เกมการเมืองโลกของผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ สะท้อนอะไรหลายอย่าง แต่ถ้าถามว่า แล้วผู้นำคนไหนที่มีชั้นเชิงเหนือกว่า เราไปวิเคราะห์กัน
ก่อนเข้าสู่การประชุมสุดยอดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ และนายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ ที่กำหนดไว้วันที่ 12 มิถุนายน ในสิงคโปร์ ดูเหมือนสองผู้นำจะใช้ชั้นเชิงหลากรูปแบบ เพื่อเพิ่มแต้มต่อให้ตนเองก่อนการเผชิญหน้าครั้งประวัติศาสตร์นี้
ผู้นำสหรัฐฯและเกาหลีเหนือ เปลี่ยนจุดยืน พลิกการตัดสินใจไปมาหลายครั้ง เริ่มจากโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม อ้างว่ายอมรับไม่ได้กับแถลงการณ์ที่ก้าวร้าวของเกาหลีเหนือ... จะเรียกว่า นี่เป็นไพ่ใบแรกของทรัมป์ในหมากเกมนี้ก็ได้
แต่คิม จองอึน ทำผิดคาด ไม่แสดงท่าทีแข็งกร้าวนัก แถมยังประนีประนอม ใช้ประโยชน์จากถ้อยคำในแถลงการณ์ทรัมป์ ที่ระบุว่ายังเปิดโอกาสให้เดินหน้าประชุมได้อยู่ โดยคิม จองอึนแถลงการณ์ย้ำถึงเจตจำนงค์ที่จะพบกับผู้นำสหรัฐฯ เพื่อหารือถึงการปลดอาวุธนิวเคลียร์ พร้อมเดินหมากที่เหนือกว่า ด้วยการประชุมสุดยอดครั้งที่ 2 กับประธานาธิบดีมุน แจอินของเกาหลีใต้ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
ไม่แน่ชัดว่า จะด้วยแรงกดดัน หรือเกมเดินไปตามที่ทรัมป์วางแผนไว้ แต่ผู้นำสหรัฐฯ ประกาศไม่เปลี่ยนแปลงวันและสถานที่ประชุมกับผู้นำเกาหลีเหนือ
หนังสือพิมพ์ เดอะ โคเรีย ไทม์ วิเคราะห์ว่า การเดินเกมที่จะเรียกว่าดราม่าการเมืองโลกนี้ สะท้อนให้เห็นว่า ต่างฝ่ายต่างมีเป้าหมายที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง ฝั่งสหรัฐฯ ต้องการให้เกาหลีเหนือปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสิ้นเชิง ภายใต้กรอบว่าต้องยืนยันและถอยหลังไม่ได้ ส่วนฝั่งเกาหลีเหนือ ต้องการการรองรับเรื่องความมั่นคง และผลประโยชน์ต่อเศรษฐกิจของประเทศ...แม้เป้าหมายต่างกัน แต่ดูเหมือนสองผู้นำจะใช้กลยุทธคล้ายกัน นั่นคือ”ยุทธศาสตร์ความไม่แน่นอน” ดังนั้น ถ้าอยากคาดการณ์ว่าการประชุมสุดยอดทรัมป์-คิม จะเป็นแบบไหน และออกมาอย่างไร จะต้องวิเคราะห์ยุทธศาสตร์ของทั้งสองฝ่ายก่อน
เริ่มจากคิม จองอึน โจเซฟ ดีทรานี อดีตทูตพิเศษสหรัฐฯ ว่าด้วยการประชุม 6 ฝ่ายกับเกาหลีเหนือ มองว่า คิม จองอึนดูเหมือนจะตัดสินใจเดินหน้าปลดอาวุธนิวเคลียร์ในเชิงหลักการ แต่นักการเมืองสายแข็งในเกาหลีเหนือ ก็พยายามชักจูงไม่ให้คิม ทำตามข้อเรียกร้องของทรัมป์มากนัก ด้วยเหตุนี้ ย้อนไปที่ตัวแถลงการณ์ที่สหรัฐฯมองว่าก้าวร้าวของคิม จองอึน เป็นการแสดงให้เห็นว่า เกาหลีเหนือเริ่มช่างใจถึงการประชุมวันที่ 12 มิถุนายน
วิลเลียม บราวด์ ศาสตราจารย์วิทยาลัยการต่างประเทศจอร์จทาวน์ มองว่า คิมต้องการประชุม แต่ไม่อยากให้ดูดิ้นรนมากนัก และสิ่งที่ผู้นำเกาหลีเหนือต้องการจากการหารือนี้ คือเรื่องเศรษฐกิจ จับสัญญาณจากช่วงหลังมานี้ ที่คิมย้ำถึงการให้ความสำคัญทางเศรษฐกิจ และเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน
อย่างไรก็ดี ณอน คิง รองประธานอาวุโสองค์กรพาร์ค สตราเตจีส์ ชี้ว่า คิม จองอึนอ่านเล่นเกมผิดไปหน่อย เพราะจากที่คิดว่าทรัมป์ต้องการประชุมมาก จนยอมทำตามข้อเรียกร้องเกาหลีเหนือ แต่กลายเป็นว่า ทรัมป์พร้อมจะยกเลิกการพบปะทุกเมื่อ
เรามาดูในฝั่งโดนัลด์ ทรัมป์กันบ้าง ผู้เชี่ยวชาญมองตรงกันว่า ทรัมป์เป็นผู้นำแบบ เดี่ยวใช่ แล้วไม่ ก่อนจะใช่อีกครั้ง ซึ่งนัยยะแฝงนั้นไม่ใช่เรื่องความไม่ชัดเจน แต่เป็นยุทธศาสตร์ เพื่อนำไปสู้แต้มต่อบนโต๊ะเจรจา...บราวด์ ซึ่งเคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองสหรัฐฯชี้ว่า ทรัมป์ต้องการประชุมสุดยอด แต่ก็เหมือนกับคิม คือไม่อยากให้ดูทะเยอทะยานมากนัก
ทรัมป์เองยอมรับปากเปล่าว่า ทั้งสองฝ่ายกำลังเล่นเกมกัน แต่คิงชี้ว่า ไพ่ที่ทรัมป์ประกาศยกเลิกการประชุมนั้น ผู้นำสหรัฐฯใช้อารมณ์เป็นหลัก ซึ่งถือเป็นการเดินเกมพลาด จนทำให้คิม จองอึนจับจุด เพิ่มแต้มต่อให้ตัวเองได้...เพราะฉะนั้น ถ้ามองเกมในยกนี้แล้ว จะบอกว่าคิม จองอึน ถือไพ่เหนือกว่าแล้วก็เป็นได้