สรุปข่าวเด่น "อาเซียน" รอบวัน

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคฟุนซินเปก เผยว่า สมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ ทรงมีพระอาการโดยรวมทรงตัว หลังเสด็จเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลในกรุงเทพคืนก่อน จากเหตุขบวนรถหาเสียงประสบอุบัติเหตุระหว่างเดินทางไปจังหวัดพระสีหนุ จนเป็นเหตุให้พระชายาหม่อมอู๊ก พิลลา ถึงแก่กรรมช่วงสุดสัปดาห์ นอกจากนี้ ยังระบุด้วยว่า เจ้ารณฤทธิ์ทรงมีพระสติดีและสามารถสนทนาได้ตามปกติ อย่างไรก็ตามพระองค์มีกระดูกซี่โครงหักหลายซี่ เช่น กระดูกน่องด้านซ้าย

ด้านตำรวจกัมพูชา ระบุว่า คนขับแท็กซี่คันก่อเหตุรวมถึงพลเมืองที่โดยสารในแท็กซี่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย  และในขณะนี้ได้ควบคุมตัวคนขับแท็กซี่ไว้แล้ว

ส่วนทางสำนักพระราชวังกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์เป็นเจ้าภาพในการจัดพิธีศพแบบเรียบง่ายให้กับหม่อมอู๊ก พัลลา  ที่วัดแห่งหนึ่งในกรุงพนมเปญ

อุบัติเหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าวันอาทิตย์นี้ โดยรถพระที่นั่งของสมเด็จกรมพระนโรดม รณฤทธิ์ และพระชายาชนประสานงากับรถแท็กซี่ระหว่างเดินทางไปยังจังหวัดพระสีหนุ ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกัมพูชา

ทั้งนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เจ้ารณฤทธิ์ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เพราะเจ้ารณฤทธิ์และชายาองค์นี้ ทรงเคยประสบอุบัติเหตุรถบรรทุกพุ่งชนรถบีเอ็มดับเบิลยูของพระองค์ ที่จังหวัดกำปงจาม เมื่อปี 2558 มาแล้ว  ซึ่งทำให้หม่อมอู๊ก พัลลา ได้รับบาดเจ็บสาหัส ขณะที่ในครั้งนั้น มีการตั้งข้อสังเกตด้วยว่าอาจเป็นเจตนามุ่งร้ายต่อพระองค์

กระทรวงเกษตรและอุตสาหกรรมจากการเกษตรของมาเลเซีย คาดว่า จะได้รับการอนุมัติให้ส่งออกทุเรียนพันธุ์ ‘มูซังคิงส์’ หรือ ‘เหมาซานคิง’ ในภาษาจีนกลางสู่ตลาดจีนได้ในปีหน้า หลังผลเจรจากับรัฐบาลจีนเกี่ยวกับการส่งออกทุเรียนพันธุ์ ‘มูซังคิงส์เป็นไปในทางที่ดี และมาเลเซียก็ผ่านการรับรองพื้นฐานด้านความปลอดภัยของผลไม้แล้ว

ความต้องการของทุเรียน พันธุ์ ‘มูซังคิงส์’ ซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญของทุเรียนพันธุ์หมอนทองนั้น ค่อนข้างสูงในตลาดจีน โดยมีราคาสูงถึง 300 ริงกิต หรือ 2,454 บาทต่อกิโลกรัม เลยทีเดียว

มูลค่าการส่งออกทุเรียนจากมาเลเซียเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่าจาก 8.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ  286 ล้านบาท ในปี 2011เป็นเกือบ 18 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ เกือบ 600 ล้านบาท ในปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่ถูกส่งไปยังสิงคโปร์

สื่อท้องถิ่นมาเลเซีย รายงานอ้างแหล่งข่าวแห่งหนึ่งว่า รัฐบาลมาเลเซียมีการเจรจาหาทางออกกรณีแผนโครงการสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อมมาเลเซียกับสิงคโปร์ เพื่อลดการเสียค่าชดเชยการยกเลิกสัญญากับสิงคโปร์ให้น้อยที่สุดแล้ว ด้วยการเปลี่ยนไปใช้ทางรถไฟทางคู่ ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายถูกกว่าการใช้ทางรถไฟความเร็วสูงมากกว่าครึ่งหนึ่ง โดยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ ราว 6 แสนล้านบาทเท่านั้น

นอกจากนี้ แผนดังกล่าวจะยังทำให้มาเลเซียไม่ต้องจ่ายเงินชดเชยราว 500 ล้านริงกิต หรือ 4,000 ล้านบาทจากการยกเลิกสัญญารถไฟความเร็วสูงอีกด้วย

ก่อนหน้านี้ นายกรัฐมนตรีมหาเธร์ โมฮัมหมัด ของมาเลเซีย ได้ยกเลิกข้อตกลงสร้างรถไฟความเร็วสูงระหว่างมาเลเซียและสิงคโปร์ พร้อมเรียกทบทวนโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ริเริ่มโดยรัฐบาลชุดก่อน เพราะเห็นว่ามีการใช้งบมหาศาลแต่ไม่ได้ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจที่คุ้มค่า

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนไปใช้รถไฟฟ้ารางคู่จะทำให้ระยะเวลาการเดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 130 นาที จากเดิม 90 นาที  ขณะที่รายงานระบุว่า ระยะเวลาในการเดินทางอาจลดลงอีกด้วยหัวรถจักรรุ่นใหม่  ที่สามารถวิ่งได้เร็วขึ้น โดยไม่ส่งผลต่อความปลอดภัย