‘ซูจี’ ชี้ ต่างชาติ ทำคนเมียนมาแตกแยก

สำนักที่ปรึกษาแห่งรัฐของเมียนมา ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ออง ซาน ซูจี ผู้นำเมียนมา กล่าวกับนางคริสทีน เชอร์ราเนอร์ เบอร์เกเนอร์ ทูตพิเศษแห่งสหประชาชาติประจำเมียนมาว่า เรื่องเล่าที่สร้างเกลียดชังจากต่างประเทศผลักดันให้ชุมชนในเมียนมาแตกแยกกัน และต้องใช้ความอดทนและเวลาในการฟื้นฟูความไว้วางใจระหว่างชุมชนให้กลับมาอีกครั้ง โดยมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่สหประชาชาติต้องร่วมมือด้วย แต่คำแถลงการณ์ไม่ได้ให้ความชัดเจนว่าชุมชนที่ว่าหมายถึงชุมชนใด

แต่หากดูจากข้อความบนทวิตเตอร์และเฟซบุ๊กของทางการเมียนมา ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้ว จะพบว่า รัฐบาลของซูจีให้การสนับสนุนผู้ที่ไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม ที่กลายเป็นผู้พลัดถิ่นจากเหตุความรุนแรง และ กล่าวหาประชาคมระหว่างประเทศว่าเผยแพร่ข่าวปลอม เกี่ยวกับการละเมิดสิทธิมาโดยตลอด

ในแถลงการณ์ ยังระบุด้วยว่า ความไม่ไว้วางใจระหว่างสองชุมชนมีมานานหลายทศวรรษแล้ว แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2016 และ 2017 จากเหตุกองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกัน ทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก

ทั้งนี้ ตั้งแต่เกิดเหตุโจมตีจุดตรวจกองทัพเมียนมาในรัฐยะไข่ จนกองทำเมียนมาเปิดปฏิบัติการกวาดล้างโรฮิงญาติดอาวุธในเดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ทำให้มีชาวโรฮิงญาหนีความรุนแรงในเมียนมาเข้ามาบังกลาเทศเกือบเจ็ดแสนคน  และแม้เมียนมาและบังกลาเทศได้บรรลุข้อตกลงส่งตัวผู้อพยพกลับเมียนมาเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว รวมถึงทางการเมียนมาเองตกลงสร้างศูนย์พักพิงชั่วคราวให้แก่ผู้ที่จะอพยพกลับเข้าประเทศ จนถึงตอนนี้ ยังมีชาวโรฮิงญาจำนวนมากที่ถูกปฏิเสธสิทธิการเป็นพลเมือง, ริดรอนเสรีภาพในการแสดงความเห็น รวมถึง การเข้าถึงบริการต่างๆเช่น บริการสุขภาพและการศึกษา