svasdssvasds

ผู้เชี่ยวชาญชี้ "ประธานอินเตอร์โพล" หายตัวลึกลับส่งผลต่อภาพลักษณ์จีน

ผู้เชี่ยวชาญชี้ "ประธานอินเตอร์โพล" หายตัวลึกลับส่งผลต่อภาพลักษณ์จีน

การหายตัวไปของประธานอินเตอร์โพลชาวจีน ทำให้ทั่วโลกจับจ้องไปที่การเมืองจีนอีกครั้ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่า การหายตัวของบุคคลสำคัญระดับโลกไปอย่างลึกลับ ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศจีนในประชาคมระหว่างประเทศ

หนังสือพิมพ์ เดอะ นิวยอร์ก ไทมส์ รายงานงานว่า การหายตัวของนายเหม็ง หงเว่ย ประธานอินเตอร์โพลซึ่งเป็นชาวจีน เกิดขึ้นท่ามกลางความสงสัยว่า เขากำลังถูกทางการจีนไต่สวนอยู่และเขารู้ตัวล่วงหน้าหรือไม่ว่าจะถูกควบคุมตัว

ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า หากเป็นเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่มีการแจ้งล่วงหน้า ย่อมส่งผลต่อภาพลักษณ์ของประเทศจีน เพราะเหตุการณ์นี้สะท้อนว่า แม้จะเป็นบุคคลที่สำคัญมากระดับประธานของหน่วยงานตำรวจสากล ก็สามารถตกเป็นเป้าได้ทุกเมื่อ

นายเติ้ง หยูเวิ่น อดีตบรรณาธิการสารสารพรรคคอมมิวนิสต์จีน ระบุว่า หากนายเหม็งนายตัวไปในจีนจริง ก็น่าจะเป็นเรื่องการสอบสวนเกี่ยวกับการทุจริต แม้ในสายตาประชาคมโลก เขาคือประธานของอินเตอร์โพล แต่ในสายตาของทางการจีน เขาก็คือคนจีน และไม่มีใครคำนึงสถานะในประชาคมระหว่างประเทศของเขา

ก่อนหน้านี้ จีนก็เพิ่งส่งสัญญาณออกมาว่า แม้จะโด่งดังในประชาคมโลกแค่ไหน แต่ก็ไม่รอดพ้นสถานะความเป็นพลเมืองจีน กับกรณีของดาราสาวฟ่าน ปิงปิง ที่ถูกทางการคุมตัวไปสอบสวนนานกว่าสี่เดือน และท้ายสุดถูกสั่งปรับเป็นเงินมากกว่าสี่พันล้านบาทในข้อหาเลี่ยงภาษี

ทั้งนี้ นับตั้งแต่ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน เข้ามาบริหารประเทศในปี 2012 ได้ใช้มาตรการปราบปรามทุจริตอย่างเข้มงวด ไม่เว้นแม้กระทั่งเจ้าหน้าที่ระดับสูงของพรรคคอมมิวนิสต์ และในปีนี้ จีนได้มีการจัดตั้งหน่วยงานสอบสวนเพื่อปราบปรามการทุจริต โดยให้อำนาจในการจับกุมเจ้าหน้าที่ต้องสงสัยกระทำผิดอย่างลับๆได้ ซึ่งผู้ที่ถูกควบคุมตัวอาจหายไปนานหลายสัปดาห์หรือหลายเดือนโดยที่รัฐบาลไม่แจ้งอะไรเกี่ยวกับชะตากรรมของพวกเขาเลย จนกระทั่งสอบสวนแล้วเสร็จ

หนังสือพิมพ์เดอะ นิวยอร์กไทมส์ รายงาน หากนายเหม็งถูกควบคุมจริง ก็เป็นเครื่องตอกย้ำว่า จีนยังใช้วิธีการนี้อยู่

ก่อนหน้านี้ในปี 2013 นายหลี่ ตงเฉิง รัฐมนตรีช่วยด้านความมั่นคงสาธารณะก็ถูกควบคุมตัวไปสอบสวนเรื่องการทุจริต และต่อมาถูกตัดสินจำคุก 15 ปีในข้อหารับสินบน และเมื่อเดือนที่แล้ว หน่วยงานปราบปรามการทุจริตของจีนประกาศว่า กำลังสอบสวนนายนูร์ เบกรี เจ้าหน้าที่ระดับสูงเชื้อสายอุยกูร์ และอดีตผู้ว่าฯมณฑลซินเจียง

ดร. แอนดูรว์ วีเดอแมน นักรัฐศาสตร์ของมหาวิทยาลัยจอร์เจีน สเตท ซึ่งศึกษาเรื่องปัญหาการทุจริตของจีน ระบุว่า มาตรการปราบปรามการทุจริตของประธานาธิบดีสี ดูเหมือนแตะจุดสูงสุดไปแล้วในปี 2015 แต่เขาก็ยังคงตามไล่ล่าบรรดา “เสือ” หรือเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ฉ้อฉลอยู่ และหากนับเฉพาะปีนี้ ทางการจีนล่า “เสือ” ไปแล้วถึง 17 ตัว หากนายเหม็งถูกคุมตัวสอบจริง เขาจะเป็นรายที่ 18

เมื่อปีที่แล้ว นายเหม็งได้ไปเป็นประธานเปิดการประชุมสมัชชาของอินเตอร์โพล ซึ่งจัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง โดยมีประธานาธิบดีสี จิ้นผิงไปกล่าวสุนทรพจน์เปิดงาน และประกาศว่า จีนพร้อมที่จะแบ่งปันประสบการณ์ธรรมาภิบาลด้านความมั่นคงกับทุกประเทศในโลก

นายเหม็งยังคงดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยด้านความมั่นคงสาธารณะขณะเป็นประธานอินเตอร์โพล แต่เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา กระทรวงความมั่นคงสาธารณะประกาศเขาไม่ได้เป็นคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์ที่ดูแลกระทรวงนี้แล้ว ซึ่งประเด็นนี้จุดกระแสว่า เขาน่าจะกำลังเผชิญปัญหาอะไรอยู่ แต่ก็ไม่มีการประกาศข้อกล่าวหาอะไรออกมา และในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา เขาก็ยังเดินทางไปทำงานที่กรุงปักกิ่งอยู่

ทั้งนี้ นายเหม็ง ได้รับเลือกจากการประชุมสมัชชาของอินเตอร์โพลให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานของอินเตอร์โพลตั้งแต่ปี 2016 และวาระของเขาจะสิ้นสุดในปี 2020

ในตอนนั้น สื่อทางการจีนและกระทรวงต่างประเทศจีนแสดงความยินดีอย่างมากที่ชาวจีนได้รับตำแหน่งระดับโลก เนื่องจากจีนไม่ได้เป็นสมาชิกของอินเตอร์โพลมานาน แต่กลับได้ตำแหน่งสำคัญ ซึ่งสะท้อนถึงอิทธิพลของจีนที่มีเพิ่มมากขึ้นในด้านความมั่นคงของโลก แต่ตำแหน่งของเขาก็สร้างความกังวลด้วยเช่นเดียวกันในหมู่นักเคลื่อนไหว ซึ่งเกรงว่าเขาจะใช้อิทธิพลในอินเตอร์โพลช่วยเหลือทางการจีนไล่ล่าศัตรูทางการเมืองนั่นเอง

related