ทั่วโลกจับตา การประชุม ทรัมป์ - คิม รอบ 2 เกิดขึ้นหรือไม่?
จนถึงตอนนี้ ก็ยังไม่แน่นอนว่าการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่ ปี 2019 จะเป็นอย่างไร และอะไรที่ทำให้การเจรจาล่าช้า
จับตาสถานการณ์คาบสมุทรเกาหลี
2 ปี ที่ผ่านมา นักวิชาการเทียบสถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลี ว่า เหมือนเป็นรถไฟเหาะ ที่ความตึงเครียดพุ่งขึ้นถึงจุดที่หลายฝ่ายกลัวว่าจะมีสงคราม ระหว่างที่กำลังเกิดวิวาทะอย่างเผ็ดร้อนระหว่างผู้นำสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ และก็มีจุดที่ผ่อนคลายจนมีบรรยากาศที่เป็นมิตรต่อกันเมื่อทั้งสองผู้นำตัดสินใจมาพบกันที่สิงคโปร์
นักวิชาการระบุว่า ลำดับความสำคัญของทั้งสามฝ่าย บนคาบสมุทรเกาหลีนั้นต่างกันอย่างสิ้นเชิง สหรัฐฯ ระบุว่าต้องการปลดอาวุธนิวเคลียร์บนคาบสมุทรเกาหลี ขณะที่เกาหลีใต้มีเป้าหมายในการรวมชาติ
ส่วนเกาหลีเหนือนั้น คิม จองอึนได้พูดในแถลงการปีใหม่ ที่ผ่านมาว่าเขาต้องพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศให้ทันสมัย
ดร. สตีเฟน ดอร์ปเปอร์ ผู้อำนวยการอาวุโส Korea Society ระบุว่า นี่เป็นเรื่องผลประโยชน์ของสหรัฐฯ ที่จะสนับสนุนกระบวนการเจรจาให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ขณะที่เกาหลีใต้เป็นฝ่ายที่คอยทำให้กระบวนการอยู่ในร่องในรอย ส่วนสาเหตุที่ทำให้กระบวนการปลดอาวุธนิวเคลียร์ต้องล่าช้า
และอีกเหตุผลที่เกาหลีเหนือ ยังไม่ยอมเริ่มการเจรจาระดับคณะทำงานนั้น เป็นเพราะการขาดความไว้เนื้อเชื่อใจกันระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือมาถึง 70 ปี
ขณะที่นักวิชาการอีกหลายคนวิเคราะห์ว่า เหตุที่การเจรจาล่าช้า น่าจะเป็นเพราะเกาหลีเหนือ ต้องการเจรจากับประธานธิบดีทรัมป์ โดยตรง เพราะเชื่อว่าจะได้สิ่งที่ต้องการมากกว่าการเจรจาระดับคณะทำงาน
เดวิด แม๊กซ์เวล นักวิชาการมูลนิธิปกป้องประชาธิปไตย เผยว่า“แนวโน้มการประชุมสุดยอดผู้นำในปี 2019 ดูจะดีกว่าแนวโน้มที่การหารือระดับคณะทำงานจะเกิดขึ้น ความคาดการณ์ของผมคือ ผมคิดว่าเขากลัวการที่จะมีการคุยระดับคณะทำงานเพื่อให้มืออาชีพได้เจรจากัน ความคาดการณ์อีกอย่างของผมคือเขาคิดว่าเขาสามารถได้ดีล กับประธานาธิบดีทรัมป์”
ดร. ซู มี เทอรรี ผู้เชี่ยวชาญ ศูนย์เพื่อการศึกษายุทธศาสตร์ระหว่างประเทศ CSIS ให้ความเห็นว่า“เกาหลีเหนือ ไม่ต้องการดีลกับคนที่จะเรียกร้องสิ่งที่สร้างความรำคาญให้เกาหลีเหนือ เขาไม่อยากสำแดงนิวเคลียร์ เขาไม่อยากตกลงเรื่องตรวจสอบ ตอนนี้พวกเขาคิดว่ามันจะดีกว่าถ้าพบกับประธานาธิบดีทรัมป์ ดีลโดยตรงกับประธานาธิบดีทรัมป์ แล้วมีความเป็นไปได้สูงว่า จะได้สิ่งที่ต้องการ มากกว่าการดีลกับระดับที่ต่ำกว่า”
ดอกเตอร์เทอร์รีระบุว่า เป้าหมายของเกาหลีเหนือ คือต้องการเป็นที่ยอมรับในฐานะรัฐนิวเคลียร์ แต่ถ้าสหรัฐฯ ยอมรับเกาหลีเหนือในฐานะประเทศมหาอำนาจนิวเคลียร์ นั่นเป็นการแสดงให้เห็นว่านโยบายสหรัฐฯล้มเหลว และมันเป็นเรื่องที่ไม่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงที่คิดว่าสหรัฐฯ จะไม่ทำอะไรให้เกาหลีเหนือเลย
จนกว่าจะสามารถตรวจสอบอาวุธนิวเคลียร์ได้ทั้งหมด แต่ก็ไม่คิดว่าสหรัฐฯ ควรจะยอมเกาหลีเหนือมากกว่านี้ โดยที่ยังไม่รู้ว่าคิม จองอึน ตั้งใจที่จะทำตามขั้นตอนที่จะนำไปสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์จริงๆหรือไม่
