หารือทางออกข้อสรุปส่ง "ฮาคีม" ผู้ร้ายข้ามแดน

กระทรวงต่างประเทศ ออกถ้อยแถลง 8 ข้อเรื่อง นายฮาคีม อัล อาไรบี กับปัญหาระหว่าง ออสเตรเลีย กับ บาห์เรน โดยยืนยันไทยไม่มีอคติต่อ "ฮาคีม" พร้อมชี้แจงว่าการจับตัว ยึดตามอินเตอร์โพลออสเตรเลียที่แจ้งเตือนเรื่องหมายแดง ขณะเดียวกันไม่อยากให้ด่วนสรุปส่งตัวให้บาห์เรน โดยไทยหวังว่าทั้งออสเตรเลีย และบาห์เรนจะมีมิตรไมตรีที่ดีเพียงพอที่จะร่วมกันหาทางออกของเรื่องนี้ด้วยความจริงใจ

วันนี้ในช่วงบ่าย นายชัชชม อรรฆภิญญ์ อธิบดีอัยการ สำนักงานต่างประเทศ พร้อมด้วยนายธรัมพ์ ชาลีจันทร์, นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด และ น.ส.เสฎฐา เธียรพิลากุล อัยการประจำสำนักงานอัยการสูงสุด จะร่วมแถลงข่าวคดีส่งผู้ร้ายข้ามแดน นายฮาคีม อาลี โมฮัมเหม็ด อาลี อัล โอไรบี (Hakeem Ali Mohamed Ali Al Oraibi) อายุ 25 ปี ศาลนัดตรวจหลักฐาน ในวันที่ 22 เมษายนนี้ ซึ่งพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. เปิดเผยว่า กรณีนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมของไทย รัฐบาลไม่สามารถแทรกแซงได้ และอย่าด่วนสรุปผลการตัดสิน อย่านำไปเป็นประเด็นทางการเมือง โดยระหว่างนี้ กระทรวงการต่างประเทศกำลังประสานงานกับรัฐบาลบาห์เรนและออสเตรเลียเพื่อหาทางออก

ซึ่งก่อนหน้านี้ นายชัชชม ได้บอกว่า ประเด็นที่ทางการบาห์เรนยื่นคำร้องขอส่งตัว ไม่ใช่ความผิดเกี่ยวกับการเมือง แต่เป็นข้อหาวางเพลิงเผาทรัพย์ซึ่งเป็นข้อหาในคดีอาญา ซึ่งข้อหานี้ก็ถือเป็นฐานความผิดที่ประเทศไทย ซึ่งเข้าข่ายในการขอส่งตัวในกรณีที่เป็นประเทศที่ไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนกัน ที่จะต้องมีความผิดตรงกันของทั้ง 2 ประเทศ ส่วนสถานะผู้ลี้ภัยของออสเตรเลีย ก็ถือเป็นการพิจารณาของทางการออสเตรเลีย แต่อัยการสำนักงานต่างประเทศ มีหน้าที่ที่จะต้องพิจารณาคำร้องขอของทางบาห์เรน ซึ่งอยู่ระหว่างการเตรียมพยานหลักฐาน

ขณะที่สถานทูตออสเตรเลีย ประจำประเทศไทย โพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊ค ระบุว่ารัฐบาลบาห์เรนทราบดีอยู่แล้วว่า นายฮาคีม อาศัยอยู่ที่ในออสเตรเลียมาตั้งแต่ปี 2557 แต่รัฐบาลบาห์เรนไม่เคยแสดงความพยายามหรือแจ้งรัฐบาลออสเตรเลีย ว่าต้องการตัวนายฮาคีมกลับประเทศ รัฐบาลออสเตรเลียจึงต้องการให้นายฮาคีมกลับออสเตรเลียเพราะเป็นผู้ลี้ภัย

ด้านกระทรวงการต่างประเทศบาห์เรน ออกแถลงการณ์ชี้แจงเพิ่มเติมว่า นายฮาคีมมีการหลบหนีระหว่างถูกดำเนินคดีในบาห์เรน โดยศาลให้ประกันตัวและอนุญาตเป็นกรณีพิเศษในฐานะเป็นนักกีฬา เมื่อเดือนธันวาคม 2556 ให้เดินทางไปแข่งขันรายการฟุตบอลที่ประเทศกาตาร์ แต่นายฮาคีมกลับได้หลบหนีไปยังประเทศอิหร่าน ซึ่งถือเป็นการละเมิดเงื่อนไขการประกันตัว ขณะที่นายฮาคีม ยังคงมีสิทธิ์จะยื่นอุทธรณ์ต่อคำตัดสินของศาล