รัฐสภาเมียนมาเห็นชอบตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาแก้รัฐธรรมนูญแล้ว ท่ามกลางการคัดค้านจากสส.ฝั่งกองทัพซึ่งเกรงว่าจะเป็นการลดทอนอำนาจกองทัพ
สำนักข่าวรอยเตอรส์รายงานว่า พรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี ของนางออง ซานซูจี ได้ยื่นข้อเสนอเร่งด่วนต่อรัฐสภาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อแก้ไขบางส่วนของรัฐธรรมนูญปี 2008 ที่ร่างโดยกองทัพ ซึ่งพรรคเอ็นแอลดีอ้างว่าไม่เป็นประชาธิปไตย
ในการลงคะแนนวันนี้ สมาชิกรัฐสภา 414 จาก 611 คนโหวตเห็นชอบให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการแก้รัฐธรรมนูญขึ้น
ความเคลื่อนไหวดังกล่าวถือเป็นการท้าทายอำนาจกองทัพครั้งใหญ่สุดในรอบเกือบสามปีของพรรคเอ็นแอลดีซึ่งครองเสียงข้างมากในรัฐสภา และทำให้เกิดการประท้วงในสภานิติบัญญัติจากฝั่งสส.ที่กองทัพเป็นผู้แต่งตั้ง ด้วยการยืนสงบนิ่งหลายนาที
นอกจากนี้ความเคลื่อนไหวนี้ยังเกิดขึ้นในช่วงที่ทั้งผู้นำฝ่ายพลเรือนและกองทัพต่างถูกนานาชาติวิพากษ์วิจารณ์หนักเรื่องการปราบปรามชาวมุสลิมโรฮิงญาในช่วงปี 2017 ที่ทำให้ชาวโรฮิงญาราวเจ็ดแสนคนต้องหนีตายเข้าไปในบังกลาเทศ
ทั้งนี้ นายที ขุ่น เมียต ประธานรัฐสภาเมียนมากล่าวว่า จะมีตัวแทนจากพรรคการเมือง และนักการเมืองในฝั่งของกองทัพเข้าร่วมคณะกรรมาธิการตามสัดส่วน และนายตุน ตุน เฮง รองประธานรัฐสภา ซึ่งเป็นสส.ของพรรคเอ็นแอลดีจะทำหน้าที่เป็นประธานคณะกรรมาธิการนี้
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญของเมียนมากำหนดให้กองทัพครองที่นั่ง 1 ใน 4 ในรัฐสภา และครองตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงหลักๆของชาติ หากพรรคเอ็นแอลดีต้องการแก้รัฐธรรมนูญ จำเป็นต้องได้คะแนนโหวตจากสส.ในสภามากกว่า 75%
ขณะที่สส. จากพรรคยูเอสดีพี ซึ่งสนับสนุนโดยกองทัพเมียนมา ระบุว่า พวกเขาไม่ได้คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่การปรับแก้กฎหมายใน"มาตราที่เหมาะสม" ควรเป็นไปเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนใน “เวลาที่เหมาะสม” ด้วย
ทั้งนี้ รัฐธรรมนูญของเมียนมามีข้อห้ามการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีของผู้สมัครที่มีคู่สมรสหรือบุตรเป็นคนต่างชาติ ซึ่งนางซูจีมีลูกชายสองคนกับสามีชาวอังกฤษที่เสียชีวิตไปแล้ว จึงทำให้ไม่สามารถดำรงตำแหน่งเป็นประธานาธิบดีได้
ขณะที่พรรคเอ็นแอลดีไม่ได้ระบุว่าต้องการแก้รัฐธรรมนูญในมาตราใด แต่ในอดีต สมาชิกพรรคเอ็นแอลดีบางคนได้เคยเรียกร้องให้มีการแก้ไขมาตรา 436 ว่าด้วยเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ