AFP เผยงบประมาณกลาโหมไทยสูงขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า งบประมาณด้านกลาโหมของไทยเพิ่มสูงขึ้นในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เกิดการรัฐประหารถึงสองครั้ง และในปีงบประมาณ 2562 นี้ รัฐบาลคสช.ได้เสนองบประมาณด้านกลาโหมจำนวน 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 224,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐนับตั้งแต่การรัฐประหารเมื่อปี 2557 โดยการจัดซื้อส่วนใหญ่เป็นการซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากประเทศจีน

รายงานของเอเอฟพีระบุว่า เมื่อปี 2560 ประเทศไทยอนุมัติการสั่งซื้อเรือดำน้ำจากประเทศจีนจำนวนสามลำ ลำละ 393 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือลำละประมาณ 12,500 ล้านบาท โดยรัฐบาลไทยให้เหตุผลว่า จำเป็นต้องซื้อเพื่อใช้ในการคุ้มกันทรัพยากรในทะเลอันดามัน

นอกจากนี้ กองทัพไทยยังได้จัดซื้อรถถัง VT-4 จากประเทศจีนอีกหลายสิบคัน มูลค่า 2,200 ล้านบาท หลังก่อนหน้านี้ในปี 2017 รัฐบาลคสช.อนุมัติการสั่งซื้อรถถังรุ่น VT-4s อีก 10 คัน โดยรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมของไทยให้เหตุผลว่า รถถังเหล่านั้นจะมาแทนที่รถถังรุ่น M41 ซึ่งผลิตในสหรัฐ ที่ถูกใช้ในกองทัพไทยมานานตั้งแต่ช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง

นอกจากประเทศจีนแล้ว ยังมีอีกหลายประเทศที่เป็นประเทศคู่ค้ารายใหญ่กับไทย อย่างเช่นเมื่อปี 2560 ไทยประกาศจัดซื้อเครื่องบินรบ 8 ลำจากบริษัทอุตสาหกรรมอากาศยานเกาหลีหรือเกียของเกาหลีใต้ ซึ่งจะมีการส่งมอบภายในปี 2563 และเมื่อปลายปีที่แล้ว เกาหลีใต้ก็เพิ่งส่งมอบเครื่องบินรุ่น T-50TH Golden Eagles จำนวน 4 ลำ มูลค่า 3,520 ล้านบาทให้แก่ไทย ขณะที่สหรัฐเองก็จำหน่ายอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารมูลค่าราว 437 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 13900 ล้านบาทให้แก่ประเทศไทย นับตั้งแต่ปี 2557 เป็นต้นมา โดยสถานทูตสหรัฐระบุในแถลงการณ์ต่อเอเอฟพีว่า ไทยเป็นหนึ่งในพันธมิตรที่เก่าแก่ที่สุดในเอเชียของสหรัฐ