ใครต้องการอะไร! จากการพบกันของโดนัลด์ ทรัมป์และคิม จองอึน

นายคิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์จนได้รับความสนใจจากทั่วโลก เพื่อความมั่นคงของเกาหลีเหนือและตัวเขาเอง แต่ในขณะเดียวกัน นายคิม จองอึนก็ต้องการยกระดับประเทศให้พ้นจากความยากจน การที่จะทำเช่นนั้นได้ เขาจึงต้องหาทางให้นานาชาติยอมผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่อเกาหลีเหนือเพื่อเปิดทางให้เขาพัฒนาโครงการต่างๆ กับเกาหลีใต้ได้ เช่น การกลับมาเปิดเขตนิคมอุตสาหกรรมร่วมแกซอง และรีสอร์ตรับนักท่องเที่ยว ซึ่งเคยทำรายได้เข้าประเทศถึง 150 ล้านดอลลอาร์สหรัฐฯ ต่อปี

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือได้ผลักดันการประกาศสันติภาพเพื่อยุติสงครามเกาหลี และอาจมองว่า การประกาศนี้ จะเป็นหนทางที่ทำให้สหรัฐฯยอมถอนทหารออกจากเกาหลีใต้ และทำให้สองเกาหลีหันหน้ามาสานฝันเรื่องการรวมชาติในทัศนคติของเกาหลีเหนือได้ นอกจากนี้ เกาหลีเหนือยังย้ำเสมอ การปลดอาวุธนิวเคลียร์ต้องทำสองทาง และเกาหลีเหนือจะไม่ยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ง่ายๆโดยไม่ได้อะไร

ผู้เชี่ยวชาญมองว่า การประชุมสุดยอดที่กรุงฮานอยนี้ จะเป็นบททดสอบเช่นกันว่า ผู้นำเกาหลีเหนือ จะยอมรับข้อเสนออะไรเพื่อแลกเปลี่ยนกับการที่เขาต้องยอมสละสิ่งที่รับประกันความปลอดภัยขั้นสูงสุดของระบอบเขา

ในการประชุมครั้งนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์มาพร้อมแรงกดดันว่าต้องทำได้ดีกว่าการประชุมสุดยอดครั้งแรกที่สิงคโปร์ นายทรัมป์ต้องการความคืบหน้าเรื่องการปลดอาวุธนิวเคลียร์ แต่ในการประชุมครั้งนี้ สหรัฐฯดูเหมือนจะต้องการให้มีข้อตกลงที่เป็นรูปธรรมว่าเกาหลีเหนือจะเริ่มเดินหน้าตามที่เคยแถลงไว้ในการพบกันครั้งก่อนอย่างไร

นายทรัมป์ต้องการให้นายคิม ยอมรับอย่างเป็นทางการ ให้ผู้เชียวชาญจากนานาชาติเข้าไปตรวจสอบกระบวนการรื้อถอนพื้นที่ปล่อยขีปนาวุธและทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ และทรัมป์ยังต้องการนำศพของทหารอเมริกันที่เสียชีวิตในช่วงสงครามเกาหลี กลับสหรัฐฯมากกว่าเดิมด้วย

สิ่งแรกที่เกาหลีใต้ต้องการ นั่นก็คือความสัมพันธ์ที่มีเสถียรภาพกับเกาหลีเหนือ เกาหลีใต้จึงหวังว่าการการหารือครั้งที่สองนี้ จะเปิดโอกาสให้สองเกาหลีได้กลับมาสานต่อโครงการทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ที่ต้องหยุดชะงักไปเพราะมาตรการคว่ำบาตร

นายมุน แจอิน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้ต่อสายโทรศัพท์คุยกับนายทรัมป์ว่า เกาหลีใต้ต้องการกลับมาเดินหน้าโครงการเศรษฐกิจกับเกาหลีเหนือ และขอให้นายทรัมป์นำโครงการเหล่านี้ไปเสนอต่อนายคิม เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์

จีนเป็นกังวลเรื่องความมั่นคงของเกาหลีเหนือเสมอ และกลัวว่าเศรษฐกิจของเกาหลีเหนือจะล่มสลาย นำไปสู่ความขัดแย้งทางการเมืองภายในประเทศ และคลื่นผู้อพยพจำนวนมหาศาลที่จะทะลักเข้าจีน

จีนเป็นผู้ให้ความดูแลและช่วยเหลือเกาหลีเหนือด้านการค้ามาตลอด การผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรจากนานาชาติจึงย่อมจะทำให้จีนได้รับผลประโยชน์ไปด้วย และที่ผ่านมา จีนได้รักษาผลประโยชน์ไว้เหนียวแน่น ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีนมีการหารือกับนายคิม จองอึนบ่อยครั้ง เพื่อแสดงให้เห็นว่าจีนยังคงอยู่เคียวข้างและเป็นชาติมหาอำนาจในการไกล่เกลี่ยความขัดแย้งในภูมิภาคนี้

ญี่ปุ่นมีความหลังอันขมขื่นกับเกาหลีเหนือจากกรณีการลักพาตัวชาวญี่ปุ่นเมื่อหลายทศวรรษที่แล้ว นอกจากนี้ ญี่ปุ่นยังตั้งอยู่ในพิสัยการทดสอบขีปนาวุธของเกาหลีเหนือมาหลายครั้ง ญี่ปุ่นจึงต้องการให้สหรัฐฯและเกาหลีเหนือบรรลุข้อตกลงให้ได้ แต่ญี่ปุ่นมีความกังวลว่า นายทรัมป์จะเจรจาได้ข้อตกลงเฉพาะในส่วนที่จะกระทบสหรัฐฯ เช่น การพัฒนาขีปนาวุธพิสัยไกลที่สามารถยิ่งถึงสหรัฐฯเท่านั้น แต่ไม่ได้สนใจที่จะควบคุมการพัฒนาขีปนาวุธพิสัยใกล้ ซึ่งญี่ปุ่นเป็นผู้ได้รับผลกระทบโดยตรง ญี่ปุ่นจึงไม่ต้องการถูกทอดทิ้งในการเจรจาดังกล่าว

นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่นกล่าวอยู่หลายครั้งว่า เขายินดีที่จะพบกับนายคิม จองอึน และไม่ต้องการให้ผลประโยชน์ของญี่ปุ่นนั้นถูกลืม นอกจากนี้นายอาเบะพยายามใกล้ชิดกับนายทรัมป์ให้มากที่สุด จนมีข่าวออกมาว่า นายอาเบะได้เสนอชื่อนายทรัมป์เข้าชิงรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพด้วย