สหรัฐฯออกรายงาน รัฐบาลไทยจำกัดสิทธิมนุษยชนประชาชน

รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ไมค์ ปอมเปโอ แถลงรายงานสถานการณ์สิทธิมนุษยชนประจำ 2018 จากราว 200 ประเทศและเขตเศรษฐกิจ โดยไฮไลท์ของรายงานปีนี้อยู่ที่อิหร่าน เซาท์ซูดาน นิการากัว และจีน

ปอมเปโอกล่าวว่าอิหร่านได้สังหารประชาชนกว่า 20 คน และจับกุมคนอีกนับพันเพียงเพราะประท้วงเรียกร้องสิทธิ โดยไม่ได้มีการปฏิบัติตามขั้นตอน ขณะที่รัฐบาลจีนละเมิดสิทธิมนุษยชนในการจับกุมชนกลุ่มน้อยชาวมุสลิมกว่า 1 ล้านเข้าค่ายที่ออกแบบมาเพื่อลบล้างศาสนาและอัตลักษณ์ของชนกลุ่มน้อย นอกจากนี้ยังมีการกลั่นแกล้งชาวคริสเตียน ชาวธิเบต และใครก็ตามที่เห็นต่างจากรัฐบาลมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ประเทศไทยไม่ได้ถูกกล่าวถึงในการแถลงข่าว แต่รายงานในส่วนของประเทศไทย ก็กล่าวถึงกฎหมายหลายฉบับของ คสช. ที่จำกัดเสรีภาพ ซึ่งเสรีภาพในการแสดงออก การชุมนุม และเสรีภาพสื่อ ยังคงได้รับผลกระทบตลอดปีที่ผ่านมา รายงานระบุถึงคำสั่ง คสช ที่ 3/2558 ที่มีขึ้นเพื่อแทนที่กฎอัยการศึก ซึ่งยังให้อำนาจรัฐบาลทหารจัดการกับการกระทำที่เป็นอันตรายต่อความสงบและเสถียรภาพของประเทศ

นอกจากนี้ยังกล่าวถึงประเด็นการสังหารตามอำเภอใจหรือการสังหารที่ผิดกฎหมายโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาล การจับกุมและกุมขังตามอำเภอใจโดยเจ้าหน้าที่รัฐบาล การเซ็นเซอร์ การบล็อกเว็บไซต์ต่างๆ คดีหมิ่นประมาท การจำกัดสิทธิในการเข้าร่วมทางการเมือง การทุจริต และการละเมิดสิทธิโดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจนทำให้เกิดการเผชิญหน้ากับกลุ่มก่อความไม่สงบชาติพันธุ์มาเลย์มุสลิมในพื้นที่ภาคใต้ ยะลา นราธิวาส ปัตตานี และบางพื้นที่ของสตูล

รายงานระบุว่า ทางการไทยได้มีการสืบสวนและลงโทษเจ้าหน้าที่ที่ละเมิดสิทธิมนุษยชน แต่การไม่นำเจ้าหน้าที่ที่กระทำผิดมาลงโทษยังเป็นเป็นปัญหาต่อเนื่อง โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้ อย่างไรก็ตาม รายงานได้อธิบายว่าผู้ก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ละเมิดสิทธิมนุษยชนและได้โจมตีพลเรือนและกองกำลังความมั่นคงของรัฐบาล