"ญี่ปุ่น-เกาหลีใต้" เปิดศึกการค้า คาดกระทบอุตสาหกรรมไฮเทคโลก
ความสัมพันธ์ระหว่างญี่ปุ่นและเกาหลีใต้กำลังตึงเครียด หลังญี่ปุ่นใช้มาตรการควบคุมปริมาณการส่งออกส่วนประกอบสำคัญสำหรับการผลิตเทคโนโลยีขั้นสูง ไปยังเกาหลีใต้ จนทำให้เกิดกระแสบอยคอตต์ญี่ปุ่นของชาวเกาหลีใต้ นักวิเคราะห์มีความกังวลว่าสถานการณ์นี้จะส่งผลกระทบต่อตลาดเทคโนโลยีทั่วโลก
สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของโลกกำลังอยู่ในสถานการณ์น่ากังวลเพิ่มขึ้นเมื่อ ญี่ปุ่น ประกาศจำกัดโควตาการส่งออกส่วนประกอบสำคัญ 3 ประเภท ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ และการผลิตหน้าจอเทคโนโลยีอันล้ำสมัยไปยังเกาหลีใต้
มาตรการดังกล่าวส่งผลต่อ ซัมซุง บริษัทของเกาหลีใต้ และส่งผลต่อโลกด้วยเพราะซัมซุง นอกจากจะผลิตชิปแล้ว ยังเป็นผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่สุดของโลกด้วย
เฉพาะเดือนกรกฎาคมนี้ มูลค่าในตลาดของซัมซุง บริษัทที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีใต้ ลดลงไปถึง 16 ล้านล้านวอน หรือ 4.3 แสนล้านบาท ในขณะที่มูลค่าของเอสเค ไฮนิกซ์ ลดลงไปราว 1.5 ล้านล้านวอน ซึ่งทั้งสองบริษัทรวมกัน มีสัดส่วนถึงร้อยละ 60 ในศักยภาพการผลิตชิปป้อนตลาดโลก
กลุ่มสารประกอบที่ญี่ปุ่นจำกัดโควตาส่งไปยังเกาหลีใต้นั้น ประกอบด้วย fluorinated polyimide ที่ใช้สำหรับการผลิตแผงพับได้ เช่น กาแลคซี่ โฟลด์ ของซัมซุง ในขณะที่ Photo-resists นั้นเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับการผลิตชิป ส่วน hydrogen fluoride นั้นจำเป็นสำหรับการผลิตชิปและการผลิตอุปกรณ์ดิสเพลย์ต่างๆ
ทั้งนี้ นายอาเบะ ได้ประกาศมาตรการดังกล่าวเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว หลังศาลเกาหลีใต้ สั่งยึดทรัพย์สินบริษัทญี่ปุ่น ที่บังคับใช้แรงงานเกาหลีใต้ ในช่วงปี 1910-1945 ที่ญี่ปุ่นเข้ามาปกครองเกาหลีใต้
[caption id="attachment_525877" align="alignnone" width="3500"]
แม้ นายอาเบะ ระบุว่า มาตรการที่เขาประกาศไม่ได้เป็นการตอบโต้คำสั่งศาลเกาหลีใต้ แต่ก็ทำให้เกิดกระแสชาตินิยมขึ้นในทั้งสองประเทศ
ชาวเกาหลีใต้ต่างใช้พื้นที่บนสื่อสังคมออนไลน์ เช่น อินสตาแกรม แสดงออกโดยการติดแฮชแทคคำว่า #BoycottJapan และเรียกร้องชาวเกาหลีใต้ ให้งดไปเที่ยวญี่ปุ่นและงดใช้สินค้าญี่ปุ่น จึงทำให้เกิดความกังวลเรื่องสงครามเศรษฐกิจระหว่างสองชาติ
ชาวเน็ตเกาหลีใต้ต่างแชร์ภาพหลักฐานการยกเลิกเที่ยวบินไปญี่ปุ่นของพวกเขาเพื่อตอบโต้ ในขณะที่นักท่องเที่ยวจากเกาหลีใต้คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 13 ของนักท่องเที่ยวต่างชาติในญี่ปุ่น นอกจากนี้ พวกเขายังเสนอรายชื่อสินค้าต่างๆของเกาหลีใต้ที่ควรใช้ทดแทนสินค้าจากญี่ปุ่นด้วย
ขณะที่สมาพันธ์ซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งเกาหลี ซึ่งมีสมาชิกมากกว่า 23000 ร้าน ก็ประกาศระงับการขายสินค้าสัญชาติญี่ปุ่นเป็นการชั่วคราว เช่น เบียร์ฮาซาฮีและคิริน รวมถึงบุหรี่ไมลด์ เซเว่น โดยให้เหตุผลว่าพวกเขาต้องการจะสู้กับทัศนคติของญี่ปุ่นเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของสงคราม
