ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ เตือนบริษัทเอกชนยักษ์ใหญ่ของประเทศ ให้เตรียมรับมือความขัดแย้งกับญี่ป่นที่ยืดเยื้อ หลังญี่ปุ่นประกาศควบคุมการส่งออกชิ้นส่วนที่ใช้ผลิตเทคโนโลยีมายังเกาหลีใต้ จนทำให้เกิดความกังวลว่าความขัดแย้งของสองประเทศจะส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานของโลก
นายมุน แจอิน ได้กล่าวกับผู้บริหารของซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ โค , เอสเค กรุ๊ป , ฮุนได มอเตอร์ โค และ ลอตตเต้ กรุ๊ป ว่า เขาเห็นว่า ญี่ปุ่น กำลังพุ่งเป้าโจมตีเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ เพื่อหวังผลทางการเมือง ซึ่งรัฐบาลได้พยายามใช้วิธีทางการทูตในการเจรจา แต่ก็มีความเป็นไปได้ว่าสถานการณ์นี้อาจยืดเยื้อ
นายมุนระบุว่า รัฐบาลเกาหลีใต้ ได้เรียกร้องให้ญี่ปุ่น ถอนมาตรการดังกล่าวอย่างเร่งด่วน และย้ำด้วยว่าสถานการณ์ขณะนี้ เป็นเหตุฉุกเฉินที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
ทั้งนี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่น ได้ประกาศมาตรการควบคุมการส่งของส่วนประกอบพิเศษ 3 ชนิด ที่ใช้ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ และการผลิตคอมพิวเตอร์ ดิสเพลย์ มายังเกาหลีใต้ และกำลังพิจารณาถอดเกาหลีใต้ ออกจากบัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ไว้ใจได้
ญี่ปุ่นระบุว่า มาตรการดังกล่าวมีขึ้นเพื่อความมั่นคงของชาติ และคลางแคลงใจในความน่าไว้วางใจของเกาหลีใต้ หลังศาลเกาหลีใต้ ได้ตัดสินให้บริษัทญี่ปุ่นชดใช้ค่าเสียหายให้กับชาวเกาหลีใต้ ที่ถูกบังคับใช้แรงงานช่วงที่ญี่ปุ่นปกครองคาบสมุทรเกาหลีระหว่างปี 1910-1945
ญี่ปุ่นอ้างว่า เรื่องดังกล่าวมีการตกลงกันไปแล้วในสนธิสัญญาตั้งแต่ปี 1965 และไม่เห็นว่าผลการตัดสินของศาลเกาหลีใต้นั้นมีผลทางกฎหมายได้
แม้มาตรการของญี่ปุ่นไม่ได้ระบุปริมาณการส่งออกไปยังเกาหลีใต้ แต่กำหนดอย่างเข้มงวดขึ้นว่า ผู้ส่งออกต้องได้ใบอนุญาตการส่งออกในแต่ละครั้งที่พวกเขาขายส่วนประกอบดังกล่าวให้เกาหลีใต้ ซึ่งข้อกำหนดนี้ทำให้กระบวนการส่งออกล่าช้า
นอกจากนี้ หากญี่ปุ่นจะถอดเกาหลีใต้ ออกจากบัญชีรายชื่อผู้ซื้อที่ไว้ใจได้จริง ก็จะส่งผลกระทบต่อการส่งออกสินค้าในวงที่กว้างขึ้นด้วย
ทั้งนี้ มาตรการของญี่ปุ่นจะส่งผลกระทบต่อผลกำไรของบริษัทเกาหลีใต้ที่พึ่งพาส่วนประกอบจากญี่ปุ่น เช่น ซัมซุง อิเล็กทรอนิกส์ และแอลจี ดิสเพลย์ โค ขณะที่ประเทศญี่ปุ่น ครองสัดส่วนตลาดชิปสำหรับจอสมาร์ทโฟนถึงร้อยละ 90
ทางด้าน ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ได้เสนอมาตรการสนับสนุนเชิงรุกต่อบริษัทที่จะได้รับผลกระทบให้นำเข้าจากประเทศที่หลากหลายขึ้น และขยายการผลิตในประเทศ ซึ่งจะทำให้ต้องใช้งบประมาณเพิ่มเป็นพิเศษ และเป็นเกมเดิมพันที่สูงสำหรับเขาด้วยเช่นกัน เพราะเศรษฐกิจของเกาหลีใต้ กำลังสั่นคลอน และอัตราการว่างงานเพิ่มสูงสุดในรอบ 10 ปี
ด้านนักวิเคราะห์เตือนว่า หากสหรัฐฯ ไม่เข้ามาเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ดูเหมือนว่าความขัดแย้งระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่นน่าจะยืดเยื้อ และ นักลงทุนควรเตรียมพร้อมรับมือ