svasdssvasds

"ทรัมป์" จ่อเลือกรัฐไอโอวา สถานที่ลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน เฟสแรก

"ทรัมป์" จ่อเลือกรัฐไอโอวา สถานที่ลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน เฟสแรก

"ทรัมป์" ระบุรัฐไอโอวาสถาน อาจจะเป็นที่ลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก “สหรัฐฯ”-“จีน” หลังได้ทวีตข้อความ เขาจะประกาศสถานที่ซึ่งเขาจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับผู้นำ สี จิ้นผิง

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทวีตข้อความเมื่อวันพฤหัสบดี (31ต.ค.) ว่า ในอีกไม่ช้า เขาจะประกาศสถานที่ซึ่งเขาจะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกกับผู้นำจีน

ด้านประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐ เปิดเผยว่า อาจจะลงนามข้อตกลงการค้ากับผู้นำจีนที่รัฐไอโอวา

ด้านทำเนียบขาวยืนยันว่า สหรัฐและจีนจะยังคงหาทางบรรลุข้อตกลงการค้าเฟสแรกภายในกรอบเวลาที่กำหนด แม้ว่าชิลี ประกาศยกเลิกการประชุมสุดยอดกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชีย-แปซิฟิก (เอเปค) ในเดือนหน้าก็ตาม

"ทรัมป์" จ่อเลือกรัฐไอโอวา สถานที่ลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน เฟสแรก

“เราหวังที่จะได้ข้อสรุปต่อการทำข้อตกลงการค้าครั้งประวัติศาสตร์ในเฟสแรกกับจีนภายในกรอบเวลาเดิม” แถลงการณ์ระบุ ซึ่งบ่งชี้ว่าประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงของจีน จะลงนามในข้อตกลงการค้าในเดือนหน้า แม้ไม่มีการประชุมเอเปคก็ตาม

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีเซบาสเตียน ปิเญร่า ผู้นำชิลีประกาศยกเลิกการประชุมเอเปคที่มีกำหนดจัดขึ้นในเมืองซานติอาโกในเดือนหน้า ท่ามกลางเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นในประเทศ

“จีนและสหรัฐกำลังดำเนินการร่วมกันในการคัดเลือกสถานที่ใหม่ในการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรก ซึ่งจะมีเนื้อหา 60% ของข้อตกลงการค้าทั้งหมด หลังจากการประชุมเอเปคในชิลีได้ถูกยกเลิกไป และผมจะประกาศสถานที่ใหม่ในไม่ช้า ซึ่งประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงจะเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงดังกล่าว” ข้อความในทวิตเตอร์ระบุ

ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่า ประธานาธิบดีทรัมป์ และประธานาธิบดีสี จะลงนามในข้อตกลงการค้าเฟสแรกนอกรอบการประชุมเอเปค ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 16-17 พ.ย.

"ทรัมป์" จ่อเลือกรัฐไอโอวา สถานที่ลงนามข้อตกลงการค้าสหรัฐฯ-จีน เฟสแรก

รัฐบาลชิลี ประกาศภาวะฉุกเฉินในหลายเมืองเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางเหตุการณ์จลาจลที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ โดยมีการปล้มสะดมร้านค้า และการเผาสถานีรถไฟใต้ดินหลายแห่ง ขณะที่ประชาชนต่างลุกฮือแสดงความไม่พอใจต่อการที่รัฐบาลประกาศปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟใต้ดิน 4% ซึ่งความวุ่นวายทางการเมืองครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 18 ราย และมีการจับกุมผู้ก่อความไม่สงบ 7,000 ราย ขณะที่ภาคธุรกิจประสบความเสียหายราว 1.4 พันล้านดอลลาร์

แม้รัฐบาลประกาศระงับการขึ้นค่าโดยสารดังกล่าวแล้ว แต่กลุ่มผู้ประท้วงก็ยังคงพากันชุมนุมต่อต้านรัฐบาล

ก่อนหน้านี้ ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่า รัฐบาลจะสามารถควบคุมสถานการณ์ที่เกิดขึ้น ขณะที่มีการมองกันว่าชิลีเป็นประเทศที่มีเสถียรภาพมากที่สุดในภูมิภาค

ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่รัฐบาลชิลีประกาศภาวะฉุกเฉิน นับตั้งแต่มีการปกครองแบบประชาธิปไตยในปี 2533 อันเนื่องจากความไม่สงบที่เกิดขึ้นในกรุงซานติอาโก

อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าของสองยักษ์ใหญ่เศรษฐกิจโลก ที่มีความเห็นของเจ้าหน้าที่จีนที่ระบุว่า มีความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการทำข้อตกลงการค้าในระยะยาวกับสหรัฐ ทำให้ราคาหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม ซึ่งมีความอ่อนไหวต่อสถานการณ์การค้าระหว่างจีนและสหรัฐต่างร่วงลง โดยหุ้นโบอิ้ง ดิ่งลง 1.8% หุ้น 3เอ็ม ร่วงลง 2.01% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 1.8% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ร่วงลง 1.3% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ ลดลง 0.2%

นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ยังฉุดดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันพฤหัสบดี (31 ต.ค.)ร่วลงปิดที่ 27,046.23 จุด ลดลง 140.46 จุด หรือ -0.52% ดัชนีเอสแอนด์พี500 ปิดที่ 3,037.56 ลดลง 9.21 จุด หรือ -0.30% และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 8,292.36 จุด ลดลง 11.62 จุด หรือ -0.14%

การทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลมาก จนส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงตั้งแต่เดือนก.ค. โดยการบริโภค คำสั่งซื้อใหม่ สต็อกสินค้าคงคลังเพื่อการส่งออกและนำเข้า หดตัวลงด้วยเช่นกัน ขณะที่ภาคธุรกิจมีความเชื่อมั่นลดลง

related