หลายคนย้อนกลับไปถึงเหตุการณ์จลาจลเมื่อปี 1992 ในเมืองลอสแองเจลิส ที่ปะทุจากเจ้าหน้าที่ตำรวจใช้ความรุนแรงกับผู้ใช้ถนนซึ่งเป็นคนผิวดำ แต่หากย้อนกลับไปไกลกว่านั้น การ ประท้วง เหยียดผิวในสหรัฐฯเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า
เหตุ ประท้วง ที่บานปลายเป็นจลาจลในเมืองมินนีแอโพลิส เพราะชายผิวดำเสียชีวิตระหว่างอยู่ในการควบคุมตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นแค่เหตุล่าสุดของปัญหา เหยียดผิว ที่มีมาตั้งแต่ช่วงปี 1960
การขอตรวจสอบบัตรประชาชนของชายผิวดำ 2 คน จุดชนวนจลาจลเมื่อเดือนสิงหาคม ปี 1965 ในเมืองลอสแองเจลิส เหตุการณ์บานปลายเป็น “Watts Riots” (จลาจลวัตต์) จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 34 คน และมูลค่าความเสียหายโดยรวมหลายสิบล้านดอลลาร์
ชายผิวดำ 2 คนถูกตำรวจเรียกให้หยุดเพื่อนำตัวไปสอบสวน แต่คนผิวดำหลายพันคนเข้าล้อมสถานีตำรวจ และหลังจากการเผาและปล้นสะดมอยู่ 1 สัปดาห์ ย่านที่เกิดเหตุถูกทำลายเสียหายยับเยิน
เจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว 2 นาย จับกุมและซ้อมคนขับแท็กซี่ผิวดำ หลังฝ่ากฎจราจร ทำให้เกิดจลาจลเมื่อช่วงกลางเดือนกรกฎาคม 1967 ในเมืองนิววาร์ก รัฐนิวเจอร์ซี เป็นเวลา 5 วันในฤดูร้อน เหตุจลาจลสร้างความเสียหายมากมาย มีผู้เสียชีวิต 26 คน และบาดเจ็บอีกถึง 1,500 คน
จลาจลจากเหตุเหยียดผิว ในเมืองดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ปี 1967 มีผู้เสียชีวิตถึง 43 คน บาดเจ็บมากกว่า 2,000 คน เหตุลามไปถึงอิลลินอยส์ นอร์ทแคโรไลนา เทนเนสซี และแมรีแลนด์
หลัง มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ถูกลอบสังหารในเมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี เหตุรุนแรงเกิดขึ้นทั่วสหรัฐฯ 125 เมือง ในเดือนเมษายน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 46 ราย บาดเจ็บอีกราว 2,600 ราย ปะธานาธิบดีในตอนนั้น ลินดอน บี จอห์สัน ถึงขนาดต้องส่งทหารไปช่วยปราบปรามเหตุจลาจล
การให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4 นายพ้นโทษในเมืองแทมปา รัฐฟลอริดา หลังถูกตั้งข้อหาทำร้ายร่างกายผู้ใช้รถผิวดำในเดือนธันวาคมปีก่อนหน้าจนเสียชีวิต เพียงเพราะขับรถฝ่าไฟแดง ส่งผลให้เกิดเหตุรุนแรงในเมืองไมอามี ในเดือนพฤษภาคมปี 1980 จนมีผู้เสียชีวิต 18 คน และบาดเจ็บอีกกว่า 300 คน
ช่วงเวลา 3 วัน ตั้งแต่ 30 เมษายน ถึง 1 พฤษภาคม ปี 1992 เหตุจลาจลเกิดขึ้นในลอสแองเจลิสหลายครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 59 ราย บาดเจ็บกว่า 2,300 ราย และชนวนเหตุก็ไม่ต่างจากเหตุการณ์ที่ผ่านมา เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว 4 นาย ถูกตัดสินให้พ้นผิด แม้จะมีภาพวิดีโอบันทึกว่า 4 คนนี้ทำร้ายผู้ขับขี่ผิวดำที่ชื่อว่า รอดนี่ คิง
เหตุรุนแรงลามไปถึงแอตแลนตา ลาสเวกัส นิวยอร์ก ซานฟรานซิสโก และซานโฮเซ
เหตุจลาจลในเมืองซินซินเนติ รัฐโอไฮโอ เมื่อเดือนเมายน ปี 2001 เกิดขึ้นหลังจากชายวัยรุ่นผิวดำวัย 19 ปี ทิโมธี ธอมัส ถูกฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาว เหตุความวุ่นวายทำให้นายกเทศมนตรีเมืองซินซินเนติต้องประกาศใช้เคอร์ฟิวอยู่ 4 วัน เป็นเหตุจลาจลที่รุนแรงที่สุดของเมืองในรอบ 30 ปี มีผู้บาดเจ็บ 70 คน
ประท้วง จลาจล และการรับมือด้วยไม้แข็งของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ในเมืองเฟอร์กูสัน รัฐมิสซูรี ยาวนานถึง 10 วันในเดือนสิงหาคม ปี 2014 เกิดขึ้นหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจผิวขาวฆ่าวัยรุ่นผิวดำชื่อ ไมเคิล บราวน์ ทั้งๆ ที่เขาไม่มีอาวุธ หลังจากนั้นไม่นาน ในเดือนพฤศจิกายน เจ้าหน้าที่ตำรวจที่ก่อเหตุกลับได้รับการยกเลิกข้อกล่าวหา สร้างความไม่พอใจอีกครั้ง
เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2015 ชายผิวดำวัย 25 ปี เฟรดดี เกรย์ เสียชีวิตลง หลังได้รับบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง ระหว่างถูกคุมตัวโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจในรถตู้
การจับกุมได้ถูกบันทึกภาพไว้ได้ และมีการเผยแพร่สู่สาธารณะ เป็นชนวนจลาจลและปล้นสะดมในบัลติมอร์ เมืองที่ประชากรราว 2 ใน 3 เป็นคนผิวดำ เมืองบัลติมอร์ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน และร้องขอกำลังเสริมจากทหาร
การประท้วงในเมืองชาร์ลอตต์ รัฐนอร์ทแคโรไลนา เมื่อกันยายนปี 2016 เกิดขึ้นหลังจากตำรวจยิงชายผิวดำวัย 43 ปี คีธ ลามอนต์ เสียชีวิต ตำรวจระบุว่ายิงเพราะเห็นลามอนต์ถือปืน เมื่อตำรวจกำลังเดินไปที่รถของลามอนต์เพราะสังเกตุเห็นเขากำลังมวนบุหรี่กัญชา ขณะที่ครอบครัวของลามอนต์ยืนยันว่าเขาไม่มีอาวุธ เหตุจลาจลส่งผลให้ต้องมีการประกาศใช้เคอร์ฟิว และขอกำลังเสริมจากทหาร