สหรัฐฯ อายัดทรัพย์! ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา

สหรัฐฯ ประกาศเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อเวเนซุเอลา ด้วยการ อายัดทรัพย์สิน ทั้งหมดที่มีอยู่ในสหรัฐฯ ของ นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีแห่งเวเนซุเอลา หลังประธานาธิบดีมาดูโรจัดการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ โดยประชาชนในประเทศและนานาชาติมองว่า เป็นความพยายาม ควบรวมอำนาจ

เมื่อวานนี้ (1 ส.ค.) สหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อเวเนซุเอลา โดยเพิ่มชื่อ นายนิโคลัส มาดูโร ประธานาธิบดีเวเนซุเอลา เข้าสู่ บัญชีดำ ทำให้ประธานาธิบดีมาดูโรต้องถูก อายัดทรัพย์สิน ทั้งหมดที่มีอยู่ในสหรัฐฯ รวมถึงห้ามบุคคลและนิติบุคคลที่อยู่ภายใต้กฎหมายของสหรัฐฯ ทำธุรกรรมใด ๆ กับประธานาธิบดีมาดูโร

ส่วนสาเหตุสำคัญที่สหรัฐฯ เพิ่มชื่อประธานาธิบดีมาดูโรเข้าสู่บัญชีดำ เพราะประธานาธิบดีมาดูโรจัดให้มีการเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันอาทิตย์ (30 ก.ค.) ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเลือกตั้งที่ไม่ชอบธรรม และชี้ให้เห็นว่า ประธานาธิบดีมาดูโรเป็นผู้นำเผด็จการ ละเมิดหลักนิติธรรม และไม่เคารพสิทธิและความต้องการของประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

นอกจากสหรัฐฯ แล้ว ยังมีประเทศอื่นอีก อาทิ แคนาดา, เม็กซิโก, เปรู, อาร์เจนตินา, โคลอมเบีย, บราซิล, ปานามา, สหราชอาณาจักร และสเปน ซึ่งเป็นอดีตเจ้าอาณานิคมของเวเนซุเอลา ประกาศไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งนี้ ส่วนโบลิเวีย, คิวบา และนิการากัว ประกาศยอมรับผลการเลือกตั้ง

ทั้งนี้ หลังจากสหรัฐฯ ออกแถลงการณ์เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรต่อเวเนซุเอลา ทางประธานาธิบดีมาดูโรก็ประกาศกร้าว ไม่เกรงกลัวมาตรการคว่ำบาตรใด ๆ จากสหรัฐฯ และจะไม่ปฏิบัติตาม เพราะการเลือกตั้งที่เกิดขึ้น คือ การตัดสินใจของชาวเวเนซุเอลา เห็นได้จากตัวเลขผู้ออกมาใช้สิทธิ์อยู่ที่ 41.5% จากผู้มีสิทธิ์ออกเสียงทั้งหมดราว 20 ล้านคน ตัวเลขนี้ตรงกันข้ามกับข้อมูลขององค์กรอิสระและพรรคฝ่ายค้านเวเนซุเอลา ที่ระบุว่า มีผู้ออกมาใช้สิทธิ์เพียง 12% เท่านั้น

มาตรการคว่ำบาตรไม่ช่วยให้สถานการณ์เวเนซุเอลาดีขึ้น

ผู้เชี่ยวชาญทางการเมืองระหว่างประเทศ ระบุว่า มาตรการคว่ำบาตรไม่ได้ช่วยให้สถานการณ์ในเวเนซุเอลาดีขึ้น เพราะรัฐบาลเวเนซุเอลาภายใต้การนำของประธานาธิบดีมาดูโร มีข้อดี ที่มีความสามารถทนทานต่อแรงกดดัน ด้วยความเชื่อที่ว่า วิกฤตขึ้นได้เสมอและวันหนึ่งก็จะจางหายไป แต่การที่สหรัฐฯ เข้ามาก้าวก่าย เป็นการทำวิกฤตยืดยาวออกไปอีก

ทั้งนี้ การเลือกตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันอาทิตย์ (30 ก.ค.) ที่ผ่านมา จัดขึ้นท่ามกลางการประท้วงที่รุนแรง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 10 ราย และเมื่อรวมกับจำนวนผู้เสียชีวิตจากการประท้วงที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือน เม.ย. เพิ่มยอดจำนวนผู้เสียชีวิตเป็นมากกว่า 120 รายแล้ว

แกนนำผู้ประท้วงถูกรัฐบาลเวเนซุเอลาจับกุมตัว

แกนนำผู้ประท้วง 2 ราย คือ นายลีโอปอลโด โลเปซ และนายอันโตนิโอ เลเดสมา ถูกฝ่ายความมั่นคงของรัฐบาลเวเนซุเอลาจับกุมตัวกลางดึก โดยภรรยาของนายโลเปซนำภาพจากกล้องวงจรปิดโพสต์ลงทวิตเตอร์ ขณะนายโลเปซกำลังถูกควบคุมตัวขึ้นรถ พร้อมเรียกร้องความยุติธรรม

นายโลเปซ เป็นแกนนำประท้วงประธานาธิบดีมาดูโร มาตั้งแต่ปี 2014 (พ.ศ. 2557) เคยถูกจำคุก 3 ปี ในข้อหาต่อต้านรัฐบาล และเมื่อนายโลเปซถูกปล่อยตัว ก็เป็นการจุดกระแสต่อต้านรัฐบาลขึ้นมาอีกครั้ง จนนำมาสู่การประท้วงที่ยืดเยื้อตั้งแต่เดือน เม.ย. จนถึงปัจจุบัน