svasdssvasds

อดีตรองผอ.ข่าวกรองชี้กรณี "ฮาคีม" รอศาลตัดสิน อย่ารักคนอื่นกว่าประเทศตัวเอง

อดีตรองผอ.ข่าวกรองชี้กรณี "ฮาคีม" รอศาลตัดสิน อย่ารักคนอื่นกว่าประเทศตัวเอง

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวถึงกรณีการส่งตัว นายฮาคีม อัล อาไรบี อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน ซึ่งเป็นผู้ลี้ภัยประเทศออสเตรเลีย ที่กำลังเป็นประเด็นร้อนแรงไปทั่วโลกในขณะนี้ พร้อมใส่แฮชแท็ก #saveThailand โดยระบุว่า

วันนี้ ประเทศไทยตกเป็นเป้าจับตามอง ตกเป็นจำเลยของใครๆก็ไม่รู้ ทั้งๆที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ประเทศไทยกำลังตกอยู่ในหว่างเขาควาย หรือหนังหน้าไฟ เนื้อไม่ได้กิน หนังก็ไม่ได้รองนั่ง แต่ถูกชาวโลกกดดัน ให้ไทยอย่าส่งนายฮาคิมไปรับโทษที่บาห์เรนและให้ส่งตัวกลับออสเตรเลียตามที่ออสเตรเลียร้องขอ รวมทั้งคนไทยบางส่วนที่ผสมโรงกดดัน นำไปเป็นประเด็นทางการเมืองในช่วงเลือกตั้ง

ก่อนอื่น ต้องปูพื้นฐานสำหรับบางคนไม่ได้ติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด นายฮาคิมเป็นอดีตนักฟุตบอลทีมชาติบาห์เรน แต่ถูกทางการบาห์เรนตั้งข้อหาว่า เผาทำลายทรัพย์สินในสนามฟุตบอล และหลบหนีไปขอลี้ภัยในออสเตรเลีย ต่อมาเดินทางมาประเทศไทยพร้อมแฟน เพื่อมาฮันนิมูน แต่ถูกทางการไทยจับกุมตัวเนื่องจากมีหมายจับของตำรวจสากล อินเตอร์โพล และทางการบาห์เรนประสานขอให้ทางการไทยส่งตัวกลับไปรับโทษที่บาห์เรนในฐานะผู้ร้ายข่ามแดน ปัจจุบัน คดีของนายฮาคิมกำลังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาล การจะส่งนายฮาคิมกลับไปบาห์เรนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของศาล ซึ่งคนไทยทุกคนรับรู้อยู่ว่า ไม่มีหน่วยงานใดสามารถก้าวล่วงหรือแทรกแซงอำนาจของศาลได้ประเทศไทยจะมีหนทางปฏิบัติอย่างไรได้บ้างเกี่ยวกับเรื่องนี้

อดีตรองผอ.ข่าวกรองชี้กรณี "ฮาคีม" รอศาลตัดสิน อย่ารักคนอื่นกว่าประเทศตัวเอง

ทางแรก ยึดหลักมนุษยธรรมและสิทธิในการเลือกถิ่นทึ่อยู่ของนายฮาคิม ที่หลบหนีประเทศและประสงค์ลี้ภัยในออสเตรเลีย กรณีนี้ไม่เหมือนกรณีของสาวน้อยชาวซาอุดิอารเบียที่หลบมาอยู่สนามบินสุวรรณภูมิและเตรียมต่อเครื่องบินไปประเทศที่สาม (ออสเตรเลีย) แต่ยังไม่ได้เข้าประเทศ และไม่มีความผิดติดตัว ไม่มีหมายจับของตำรวจสากล การพิจารณาส่งตัวไปลี้ภัยในคานาดาจึงสามารถปฏิบัติได้ทันทีตามประสงค์ของเจ้าตัวและประเทศที่จะรับลี้ภัย

ทางที่สอง ยึดหลักกฏหมายระหว่างประเทศและความตกลงระหว่างประเทศ ในเรื่องการส่งผู้ร้ายข้ามแดน คดีนี้ มีหมายจับของตำรวจสากล แต่มีประเด็นว่าฐานความผิดของนายฮาคิมที่ทางการบาห์เรนกล่าวหา ตรงกับฐานความผิดในกฏหมายไทยหรือไม่ ประการต่อไป กรณีนี้ คงต้องพิจารณาต่อไปว่า ไทยมีความตกลงกับทางการบาห์เรนในการส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการแลกเปลี่ยนนักโทษกันหรือไม่ ซึ่งศาลอาจจะนำประเด็นนี้ไปพิจารณาด้วย

อดีตรองผอ.ข่าวกรองชี้กรณี "ฮาคีม" รอศาลตัดสิน อย่ารักคนอื่นกว่าประเทศตัวเอง

แต่ประเด็นที่อยากจะเขียนเพื่อเตือนสติคือ ว่า ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีอย่างมากกับบาห์เรน สุลต่านบาห์เรนเสด็จมาประเทศไทยเป็นการส่วนพระองค์บ่อยครั้งมาก หรือจะกล่าวได้ว่า ทรงรักเมืองไทยไม่อยากเห็นความสัมพันธ์ระหว่างไทยและบาห์เรนต้องเสียหาย เพราะคนเพียงหนึ่งคน เรื่องนี้ไม่อยากให้คนไทยกดดันศาล กดดันเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ อย่าหลงไปตามกระแสของตะวันตก ที่พยายามหยิบยกเรื่องมนุษยธรรม สิทธิเสรีภาพมากดดัน ที่ประเทศไทยมีผู้กระทำผิดหลบหนีคดีในชั้นศาลไปต่างประเทศ ทั้งคดีอาญาและคดีหมื่นพระบรมเดชานุภาพ ไม่ว่าคานาดา ออสเตรเลีย ฝรั่งมังค่า เฉยหมดไม่สนใจ

ประการสำคัญ นายฮาคิมเป็นใคร มีความสำคัญอย่างไร คนไทยทั่วไปไม่รู้ ไทยไม่ได้มีอคติอะไร และไม่ได้ประโยชน์อย่างใดๆ ทั้งสิ้นต่อกรณีนี้ แต่ตำรวจสากลโดยทางการออสเตรเลียด้วยซ้ำ ที่แจ้งเตือนให้ไทยจับกุม แต่มากลับลำ ไม่ให้ส่งตัวคืนให้บาห์เรน แต่ให้ส่งตัวกลับออสเตรเลียในฐานะผู้ลี้ภัย ไทยเป็นประเทศมีอธิปไตย มีอิสระทางการศาล ไม่ต้องรับคำสั่งจากชาติใดให้ต้องทำหรือต้องปฏิบัติอย่างไร แต่ในเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไทยมีความสัมพันธ์ที่ดีทั้งกับบาห์เรนและออสเตรเลียการยอมตามฝ่ายหนึ่ง ไม่ยอมตามอีกฝ่ายหนึ่ง ไทยย่อมไม่ได้ประโยชน์อะไร หากทั้งสองฝ่ายจะเจรจากันโดยตรงได้ ไทยจะได้ไม่อึดอัดและลำบากใจ อย่างไรก็ตาม คดีขึ้นสู่การพิจารณาของศาลแล้ว คงต้องรอการตัดสินของศาลว่า จะมีคำพิพากษาอย่างไรให้ทางเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ ขอให้คนไทยรักเมืองไทยให้มากๆ อย่ารักคนอื่นมากกว่าประเทศตัวเองครับ

นันทิวัฒน์ สามารถ

อดีตรองผอ.ข่าวกรองชี้กรณี "ฮาคีม" รอศาลตัดสิน อย่ารักคนอื่นกว่าประเทศตัวเอง อดีตรองผอ.ข่าวกรองชี้กรณี "ฮาคีม" รอศาลตัดสิน อย่ารักคนอื่นกว่าประเทศตัวเอง อดีตรองผอ.ข่าวกรองชี้กรณี "ฮาคีม" รอศาลตัดสิน อย่ารักคนอื่นกว่าประเทศตัวเอง

related