ผมหวังลมๆ แล้งๆ กับคลองแสนแสบมา 60 กว่าปีแล้ว ไม่เคยหยุดหวัง แม้ประสบการณ์จะกัดกร่อนจนบางครั้งเริ่มสูญเสียความหวังไปบ้างก็ตาม
เราจะมีความหวังไปทำไม ถ้าสุดท้ายปลายทางคือความผิดหวัง แต่ความหวังเป็นสิ่งจำเป็น เป็นแรงเสริมให้วันพรุ่งนี้ ดูมีจุดหมาย พี่ป่อง ศิริศักดิ์ บินตรี ชาวชุมชนบ้านครัวให้แง่คิดทีมสปริงที่ลงพื้นที่ เพื่อถามหาความเป็นไปของเรื่องจริง กับความฝันและความหวังของคนริมคลองแสนแสบ “ผมหวังอยากให้น้ำใสสะอาดเหมือนสมัยตอนผมเด็กๆ เป็นความหวังสูงสุด ถึงจะรู้ดีว่าเป็นความหวังลมๆ แล้งๆ ผมก็ไม่หยุดที่จะหวัง นี่หวังมา 60 กว่าปีแล้ว ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เกิดตอนนี้ผมอายุ 64 ปีแล้ว ผมเห็นความเปลี่ยนแปลงของคลองเส้นนี้มาตลอดชีวิต”
เมื่อถามถึงอดีตของคลองแสนแสบพี่ป่อง ศิริศักดิ์ บินตรี เล่าด้วยสีหน้าและแววตาที่แช่มชื่นว่า “เมื่อก่อนน้ำใสมากครับ ” ไม่แปลกที่ทีมงานจะถามกลับว่าใสมากเลยเหรอ ? เพราะปัจจุบันไม่หลงเหลือเค้าโครงความใสให้ได้จินตนาการ พี่ป่อง เสริมความต่อว่า “เมื่อ 60 ปีก่อนโน้น เดี๋ยวนี้ไม่กล้าลงแล้ว ถ้าลงไป ขึ้นมาคงต้องถอดเสื้อผ้าทิ้งเลย เผลอๆ ขึ้นมาจำไม่ได้เลยไปอยู่ที่ไหนมา” ในความตลกนั้น ปนความเศร้ามาด้วย พี่ป่องเล่าให้ฟังต่อว่า “เดี๋ยวนี้ปลาก็ยังมีนะ ถึงจะไม่เยอะเหมือนเมื่อก่อน แต่ว่าปลากินไม่ได้แล้ว เพราะมันกินอะไรมาหล่ะลองคิดกันดูซิ แล้วเราจะกินมันเข้าไปได้เหรอ แล่เนื้อปลาออกมากลิ่นคาวขึ้นมา กลิ่นเดียวกับน้ำในคลองตอนนี้เลย ”
“ผมเคยทำงานโรงแรม ก่อนจะปล่อยน้ำเสียต้องผ่านการบำบัดก่อน แต่ไม่มั่นใจว่าผู้ประกอบการที่อยู่ริมคลองปัจจุบันจะทำกันทุกที่หรือไม่ เวลาน้ำทิ้งไหลลงท่อก็จะมารวมกันที่นี่ ที่คลองแสนแสบนี้แหละ วันไหนเหมาะๆ จะได้เห็นน้ำที่ไหลออกมาจากท่อลงสู่คลองสีน้ำนี้ดำเข้ม ดึกๆ บางคืนยังได้ยินเสียงขยะกระทบผิวน้ำ โยนจากข้างบ้านลงไปนี่แหละครับ แล้วกลางคืนได้ยินเสียงชัดมากเลยเวลาขยะกระทบน้ำ”
“อยากให้ทางกรุงเทพฯ ควบคุมน้ำที่มีการปล่อยลงสู่คลอง อีกอย่างตอนฝนตกน้ำที่ถูกชะมาจากถนนหนทางต่างๆ ก็จะวิ่งลงมาสู่คลอง เห็นกันชัดๆ เลยว่าน้ำดำปี๋เลยครับ” นี่อาจเป็นความหวังก้อนโตที่พี่ป่อง ศิริศักดิ์ บินตรี ฝากไว้กับทางหน่วยงานภาครัฐที่มีหน้าที่ควบคุมดูแล โดยเฉพาะทางกรุงเทพมหานคร แต่ความหวังของพี่ป่องที่อยากฝากยังไม่หมดเพียงแค่นี้ พี่ป่องเจียดความหวังบางส่วน ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญยิ่งไปยังผู้คนที่ใช้ชีวิตริมคลอง หรือเรียกอีกอย่างว่าเพื่อนข้างบ้านพี่ป่องนั่นเอง “เริ่มอย่างแรกเรื่องเศษอาหารต่างๆ อยากให้กรองเอาเศษเหล่านั้นแยกทิ้ง ไม่ทิ้งลงในแม่น้ำลำคลอง เพราะว่าตามบ้านเรือนเราไม่มีระบบกรองอยู่แล้ว ดังนั้นเราต้องกรองเอง และจำเป็นต้องกรองอย่าปล่อยเศษอาหารทิ้งลงคลองเด็ดขาด ได้ไหม ? ” คำว่าได้ไหม ของพี่ป่องฟังคล้ายเป็นคำถาม แต่เรากลับเห็นท่าทีของพี่ป่องเป็นการขอความเห็นใจ ขอความร่วมมือ สัมผัสได้เลยว่าสารที่พี่ป่องกำลังจะสื่อนั้น คาดหวังผลลัพธ์ที่จะเกิดประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม เลยอยากเชิญให้ทุกคนร่วมทำด้วยกัน
“ขอ....คนในชุมชนที่ผมอยู่อาศัยนะหล่ะครับ อย่าปล่อยขยะทิ้งลงคลอง แต่สำหรับด้านนอกที่เห็นมาตามท่ออันนี้ผมคิดว่ามันไกลเกินฝัน เกินที่จะขอกัน แต่ผมก็ยังหวัง และยังคงจินตนาการต่อไปถึงวันที่ที่คลองแสนแสบกลับมาสะอาด แม้ผมจะรู้ดีว่ามันยาก”
อาจเพราะพี่ป่อง ศิริศักดิ์ บินตรี มองว่าการที่คลองแสนแสบจะกลับมาใสสะอาดอีกครั้งนั้นเป็นเรื่อง "ยาก" หรือความต้องการลึกๆ ของพี่ป่องเพียงอยากให้มีคนเข้าใจ และร่วมมือกันทำให้ผ่านเรื่องยากไปโดย "ง่าย" หวังไปเถอะ หากหวังนั้นไม่ทำร้ายใคร ความหวังสะท้อนทัศนคติ และน่าจะส่งผลต่อการกระทำ เป็นแรงผลักให้เกิดสิ่งต่างๆ ในอนาคตได้ การมีความหวังจึงมีผลต่อตัวเราและส่งผลสังคม
ติดตามรายการอยากเห็นเมืองไทยดีกว่านี้ ทางเนชั่นช่อง 22 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-14.30 น. รายการที่มีเจตนาถามหาแนวทางการแก้ปัญหาของคนไทยทุกคน