KRUNGSRI BUSINESS SHARING ต่อยอดความคิดสู่ความสำเร็จกับ "ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์" ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา พร้อมแนะกลยุทธ์ เตรียมความพร้อม SME ไทย สู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
SME ถือเป็นเส้นเลือดหลักของเศรษฐกิจ แต่ก็ต้องยอมรับว่า 2-3 ปีที่ผ่านมา การแพร่ระบาดของโควิด ทำผู้ประกอบการ SME หลายรายต้องล้มลุกคลุกคลานอยู่ไม่น้อย ถึงแม้ตอนนี้สถานการณ์จะเริ่มคลี่คลาย แต่ยังมีหลากหลายปัจจัยที่เข้ามากดดัน และยังวางใจไม่ได้ ทั้งเรื่องภาวะเศรษฐกิจ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป รวมถึงเทคโนโลยีที่เข้ามาดิสรัปชัน
KRUNGSRI BUSINESS SHARING ต่อยอดความคิดสู่ความสำเร็จ คืออีกหนึ่งความมุ่งมั่นตั้งใจของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่จะมาแนะแนวทางให้กับผู้ประกอบการ SME เพื่อเตรียมพร้อมและรับมือกับความท้าทายต่างๆ สู่การเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืน
ดวงกมล ลิมป์พวงทิพย์ ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านลูกค้าธุรกิจเอสเอ็มอี ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวถึงโอกาสและความท้าทายในการทำธุรกิจยุคใหม่ว่า ภาวะเศรษฐกิจปีนี้ มีแนวโน้มที่ดีขึ้น และคาดว่าปีหน้าจะดีขึ้นกว่าเดิม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ยังมีความไม่แน่ไม่นอนจากราคาน้ำมัน และภาวะเงินเฟ้อ ผู้ประกอบการ SME จำเป็นต้องวางแผนระยะยาวเพื่อลดต้นทุนทางการเงิน อาจนำเอาเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยเสริม ทั้งกระบวนการผลิต การจัดการด้านเอกสาร การบริหารจัดการบุคลากร เป็นต้น
ดวงกมล กล่าวต่อไปถึงเทรนด์ในการทำธุรกิจยุคใหม่ที่ให้ความสำคัญกับเรื่องของความยั่งยืน ความยืดหยุ่น และความมีคุณค่า โดยเฉพาะในเรื่องของความยั่งยืนนั้น อย่างที่ทราบกันดีถึงวิกฤติโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อโลก ทำให้ปัจจุบันหลายๆ ธุรกิจไม่ได้มองแค่กำไรอย่างเดียว แต่เริ่มมีการทำธุรกิจบนพื้นฐานของความใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสังคมมากขึ้น นับเป็นเทรนด์การทำธุรกิจที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืนและเหนือคู่แข่ง
"อีกสิ่งหนึ่งก็คือ ทำอย่างไรให้มีคุณค่า ธุรกิจต้องตั้งโจทย์ไว้เลยว่า ทำเพื่อชีวิตที่ดีกว่า เพื่อชีวิตที่สะดวกกว่า เราจะเห็นผลิตภัณฑ์ในกลุ่มเทคโนโลยี Gadget ต่างๆ ที่ไม่ได้มองแต่กำไรอย่างเดียว เราเริ่มมองเห็นการทำธุรกิจแบบร่วมมือกัน อาจจะเป็นแค่การร่วมมือกันเพื่อทำการตลาด หรือออกแบบผลิตภัณฑ์บางอย่าง หรือร่วมมือกันเพื่อจะได้แบ่งปันข้อมูล คุณเชี่ยวชาญด้านนี้ เราอยากรู้เรื่องนี้ เรามาร่วมมือกัน เป็นพาร์ทเนอร์กัน" ดวงกมล กล่าวเสริม
ดวงกมล ยังกล่าวถึง "ESG" ซึ่งเป็นแนวคิดการดำเนินธุรกิจที่มุ่งเน้นความยั่งยืน โดยคำนึงถึง 3 ปัจจัยหลัก คือ สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (Environment, Social, และ Governance) ถือเป็นเรื่องที่ทางธนาคารกรุงศรีอยุธยาให้ความสำคัญอย่างมาก สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของธนาคารฯ ที่มุ่งเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนครบทุกมิติ พร้อมกับสนับสนุนสินเชื่อที่เชื่อมโยงกับการดำเนินงานด้านความยั่งยืน เช่น หากลูกค้าสนใจลงทุนติดตั้ง Solar Roof ในกระบวนการผลิตหรือใช้สำหรับอาคารสํานักงาน สามารถขอ Solar Roof Financing กับทางธนาคารฯ ได้
ธนาคารฯ ยังเป็นพันธมิตรเคียงข้าง SME ไทยในช่วงวิกฤติโควิด เช่น มาตรการสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ (Soft Loan) ดอกเบี้ย 2% ต่อปีในเวลา 2 ปีแรก ซึ่งเป็นการช่วยเหลือพิเศษโดยให้เวลา 5 ปี อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยไม่เกิน 5% จากนั้นพอเข้าสู่ช่วง New Normal ได้ออกมาตรการสินเชื่อเพื่อการปรับตัว (Transformation Loan) ด้วยอัตราดอกเบี้ยพิเศษ 2% ต่อปีใน 2 ปีแรก และยกเว้นดอกเบี้ยในช่วง 6 เดือนแรก พร้อมฟรีค่าธรรมเนียมทุกประเภท โดยให้วงเงินกู้สูงสุดถึง 150 ล้านบาท
นอกจากนั้น ธนาคารฯ พร้อมเดินหน้าหนุน SME อย่างต่อเนื่อง ด้วยการชูเทคโนโลยีดิจิทัลเป็นตัวขับเคลื่อน โดยมี 4 ผลิตภัณฑ์ และบริการหลักที่มุ่งเน้น ได้แก่
"ธุรกิจ SME จำเป็นต้องปรับตัวอยู่ตลอดเวลา อย่างแรกคือ ต้องปรับตัวให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดและผู้บริโภค สองคือ ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ และเปิดรับข่าวสารใหม่ๆ เพื่อให้ทันต่อกระแสโลก ถ้าไม่ปรับเราก็จะไม่รอด ถ้าไม่ก้าว เท่ากับว่าเราถอย เพราะฉะนั้น อยากฝากให้นักธุรกิจ ผู้ประกอบการ SME ทุกท่าน อย่าหยุดนิ่ง แต่ควรจะพัฒนาต่อไปเรื่อยๆ เพื่อ SME ไทยจะได้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง และอยู่รอดอย่างยั่งยืน" ดวงกมล ทิ้งท้าย