svasdssvasds

ประธานหอการค้าเชียงใหม่ ลั่นนายกใหม่ ต้องรู้ทุกเรื่องของประเทศ

ประธานหอการค้าเชียงใหม่ ลั่นนายกใหม่ ต้องรู้ทุกเรื่องของประเทศ

นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้าเชียงใหม่ คาดช่วงยุบสภา ยังไม่มีผลกับภาคเศรษฐกิจ ชี้รัฐบาลชุดใหม่ ต้องทำงานเพื่อประชาชน วอนเร่งแก้ไขปัญหาทุนจีนสีเทา พร้อมเผยยังไม่มีนายกในใจขอรอดูนโยบายที่ทำได้จริงไม่ขายฝัน

นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้า จังหวัดเชียงใหม่ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวถึงการยุบสภา ว่าทางหอการค้าจังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่เห็นสิ่งที่บ่งชี้ ว่าจะมีผลกระทบในเรื่องของเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ แต่หากเป็นช่วงหลังยุบสภาจะอยู่ในช่วงของ สูญญากาศ เพราะเป็นช่วงที่ทุกพรรคเมืองจะเร่งลงพื้นที่นำเสนอนโยบายเพื่อหาเสียง ดังนั้นคงต้องรอดูในช่วงหลังการเลือกตั้งว่านโยบายที่แต่ละพรรคใช้หาเสียงจะสามารถนำมาใช้หรือขับเคลื่อนประเทศได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นต้องรอดูสถานการณ์อีกสักระยะหนึ่งว่าจะมีความเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจอย่างชัดเจน 

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สำหรับ นายกคนที่ 30 ของประเทศไทยในความคิดเห็นส่วนตัวตนมองว่า ต้องเป็น”นายก 360 องศา” จำเป็นต้องรู้ทุกเรื่อง แต่ไม่จำเป็นต้องเก่งทุกเรื่อง ซึ่งจะต้องถูกทดแทนด้วยการที่มีทีมงานที่สามารถขับเคลื่อนในสิ่งที่จำเป็นต้องขับเคลื่อนในแต่ละประเด็นอย่างจริงจัง และตนมองว่า ”ไม่อยากให้เล่นการเมืองให้มากจนเกินไป” อยากจะให้ทำงานเพื่อประเทศอย่างจริงจัง เช่น เรื่องของเศรษฐกิจ แม้ว่าเศรษฐกิจทั่วโลกอาจจะยังไม่ดี แต่ควรจะมีความสามารถในการส่งเสริมเศรษฐกิจภายในประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็นกานส่งออก หรือการลงทุนภายในประเทศ ซึ่งต้องการผู้ที่รู้จริง ๆในการมาขับเคลื่อนในเรื่องนี้ หรือแม้แต่เรื่องของสุขภาพของประชาชน ยกตัวอย่างจังหวัดเชียงใหม่ที่กำลังเผชิญกับปัญหาฝุ่นPM2.5อย่างหนัก ก็ต้องการมีผู้นำประเทศที่มีทีมงานที่รู้ในเรื่องนี้เข้ามาทำงานร่วมกับภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ มีการวางแผนการทำงานอย่างต่อเนื่อง รวมถึงอยากจะให้มีการตรวจสอบเกี่ยวกับการใช้งบประมาณด้วย

นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้า จังหวัดเชียงใหม่ ชี้ ช่วงยุบสภายังไม่มีผลกับภาคเศรษฐกิจ ชี้รัฐบาลชุดใหม่ต้องทำงานเพื่อประชาชน วอนเร่งแก้ไขปัญหาทุนจีนสีเทา พร้อมเผยยังไม่มีนายกในใจขอรอดูนโยบายที่ทำได้จริงไม่ขายฝัน

นายจุลนิตย์ วังวิวัฒน์ ประธานหอการค้า จังหวัดเชียงใหม่  ยังเปิดเผยอีกว่า ปัญหาของจังหวัดเชียงใหม่ที่อยากจะให้รัฐบาลชุดใหม่เข้ามาแก้ไขคือ “ทุนจีน” ที่เข้ามาลงทุนในประเทศไทย สำหรับประเด็นทุนข้ามชาติต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องที่หนีพ้น แต่ภาครัฐต้องมีมาตราการอย่างชัดเจน มีการบังคับกฎหมายอย่างจริงจัง ในปัจจุบันนี้มีคนไทยที่เป็น “นอมินี” ให้กับคนต่างชาติอยู่ ดังนั้นตนมองว่า จะต้องทำการปรับปรุงกฎหมายให้ทันสมัยมากยิ่งขึ้น เพื่ออุดช่องโหว่ที่มีอยู่ในขณะนี้ เช่น การที่นักลงทุนถือวีซ่าประเภทการท่องเที่ยว แต่เข้ามาลงทุนทำให้คนเหล่านี้ไม่ต้องเสียภาษี รัฐบาลก็ไม่ได้ภาษีในส่วนนี้ การแข่งขันกับคนไทยเองก็เกิดความไม่เท่าเทียม หรือกฎหมายที่จะบังคับกับคนไทยด้วย บางครั้งต้องยอมรับว่าคนไทยเองที่ทำให้เกิดการลงทุนข้ามชาติ รับเป็นนอมินีให้ต่างชาติ ดังนั้นต้องปรับปรุงกฎหมายทั้งคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามการเข้ามาลงทุนของต่างชาติก็ยังคงมีความสำคัญ แต่ขอให้เข้ามาลงทุนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อให้ทุกฝ่ายขาวสะอาด เพื่อให้ทุกฝ่ายได้รับผลประโยชน์อย่างเท่าเทียมอย่างยุติธรรม

โดย ณ ปัจจุบัน จากการที่พรรคการเมืองนำเสนอตัวนโยบายต่าง ๆออกมามากมาย แต่ตนยังไม่มีนายกในใจ อยากจะรอฟังนโยบายต่าง ๆให้ชัดเจน เพราะนโยบายบางอย่างเป็น “นโยบายขายฝัน” ตนคิดว่าคนไทยต้องมาพิจารณาว่าสิ่งที่นักการเมืองบอกกับพวกเราเป็นจริงได้มากขนาดไหน ตนมองว่าประเทศไทยย่ำอยู่กับที่เป็นระยะเวลานานพอสมควร เช่นผลจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้เศรษฐกิจขับเคลื่อนไม่ได้ตามเป้าหมาย จึงอยากได้คนที่สามารถเข้ามาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มที่ ดูแลคนไทยให้มากขึ้น นักการเมืองคือผู้บริหารประเทศ ดังนั้น “การวางแผนและนำเสนอนโยบายต้องครบ 360 องศา” 

“ปัจจุบันนี้คนรุ่นใหม่มองตัวนโยบายและแนวโน้มของอนาคตประเทศมากกว่ามองตัวบุคคลของพรรคการเมือง นโยบายต้องสามารถจับต้องได้และมองว่าสามารถทำให้เป็นจริงได้ เพราะคนรุ่นใหม่จะต้องอยู่ในประเทศนี้อีกนาน ซึ่งคนกลุ่มนี้ถือว่ากำลังจะขึ้นมาเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ หากพรรคใดมีนโยบายเชิงรุก และสามารถตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ได้ ก็จะเป็นสิ่งที่ทำให้พรรคการเมืองได้คะแนนเสียงจากคนกลุ่มนี้เพิ่มมากขึ้น”นายจุลนิตย์ กล่าว

related