ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th
ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ของทุกปี เป็นวันเฉลิมพระชนมพรรษา สมเด็จพระราชาธิบดี จิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุกแห่งภูฏาน ซึ่งปีนี้ทรงเจริญพระชนมพรรษา 39 พรรษา พระองค์เป็นพระราชโอรสใน สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี ซิงเย วังชุก และ สมเด็จพระราชินี อาชิ เชอริง ยางดน วังชุก ซึ่งเป็นพระมเหสีองค์ที่สามในบรรดาพระมเหสีทั้งสี่พระองค์
ทั้งนี้พระองค์ได้สืบบัลลังก์เป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 5 แห่งราชวงศ์วังชุกด้วยพระชนมพรรษาเพียง 28 พรรษา เสด็จขึ้นครองราชย์เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2549 โดยมีพระราชดำริในการเปลี่ยนแปลงการปกครอง จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาเป็นระบอบประชาธิปไตย
พระองค์ได้ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจอย่างแรกด้วยการพระราชดำรัสเนื่องในโอกาสวันชาติของภูฎาน หลังจากนั้นประมาณสองปี ในวันที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551 พระองค์ได้ประกอบพิธีบรมราชาภิเษกเป็นพระมหากษัตริย์อย่างเป็นทางการ ณ พระราชวังในกรุงทิมพู
จนกระทั่งในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2554 พระราชพิธีราชาภิเษกสมรสระหว่างสมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินีแห่งภูฏาน จัดขึ้น ณ มณฑลพูนาคา ประเทศภูฏาน ทรงมีพระราชโอรส 1 พระองค์คือ เจ้าชายจิกมี นัมเกล วังชุก
สมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังซุก ทรงเป็นศูนย์รวมจิตใจของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า จากการที่ทรงวางพระองค์อย่างเป็นกันเองในหมู่ประชาชน จึงสร้างความประทับใจแก่พสกนิกรอย่างสูง พระองค์ยังทรงเป็นสัญลักษณ์สำคัญ ในการสร้างเอกภาพและเสถียรภาพ ในประเทศที่มีประชากรเพียง 753,947 คน โดยมุ่งเน้นด้านความสุขมวลรวมของประชากรภายในประเทศเป็นสำคัญ
ขอบคุณข้อมูลจาก วิกิพีเดีย
ขอบคุณภาพจาก His Majesty King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck