"อภิสิทธิ์" ชี้ จี้! "ประวิตร" แจงนาฬิกาหรู ไม่ใช่วาทกรรมการเมือง

"อภิสิทธิ์" ระบุ เรียกร้อง "ประวิตร" แจงนาฬิกาหรู ไม่ใช่วาทกรรมการเมือง แต่เป็นพฤติกรรมที่ต้องชี้แจงต่อสังคม หากนายกฯ ยังอยากใช้คำว่าธรรมาภิบาล จะต้องสะสางประเด็นนี้ได้  - 17 ม.ค. 61 - นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการตรวจสอบแหวนเพชร-นาฬิกาหรู ของพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมว่า ที่ต้องเสนอให้มีการชี้แจง เพราะเป็นห่วงผลกระทบต่อรัฐบาล เพราะหากสังคมยังสงสัยและเหตุการยืดเยื้อจะกระทบกับรัฐบาลโดยตรง เนื่องจากประชาชนขาดความเชื่อมั่น ส่วนที่ พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า หาก ป.ป.ช. ชี้มูลความผิดว่ามีความผิดจริง ก็พร้อมจะลาออกนั้น เรื่องนี้เป็นไปตามขั้นตอนของกฎหมายโดยอัตโนมัติอยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อ พล.อ. ประวิตร มั่นใจ ก็ควรออกมาชี้แจงข้อเท็จจริงให้ชัดเจน ว่ามีนาฬิกากี่เรือน และยืมจากบุคคลใด ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรี ควรคุยกับ พล.อ.ประวิตร ว่าจะดำเนินการต่อกรณีอย่างไร เพื่อไม่ให้กระทบกับความเชื่อถือของรัฐบาล และตนแปลกใจที่ นายกรัฐมนตรี ใช้คำพูดว่า อย่านำวาทกรรมทางการเมืองมาหาประโยชน์ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องวาทกรรม แต่เป็นเรื่องพฤติกรรม ตนในฐานะที่เป็นนักการเมือง ซึ่งถูกรัฐบาลชุดนี้ต่อว่าเป็นนักการเมืองรุ่นเก่า แต่รัฐบาลของตนที่เป็นนักการเมืองเก่ายังมีความชัดเจนในเรื่องเหล่านี้ ดังนั้น หากนายกรัฐมนตรียังอยากใช้คำว่าธรรมาภิบาล จะต้องสะสางเรื่องนี้และชี้แจงถึงความโปร่งใส่ "ผมคิดว่านายกฯ ควรต้องคุยกับ พล.อ.ประวิตรว่า จะทำยังไงไม่ให้กระทบความเชื่อถือ ผมแปลกใจที่นายกฯ ใช้คำพูดว่า อย่าเอาวาทกรรมการเมืองหาประโยชน์ เรื่องนี้ไม่ใช่วาทกรรม แต่เป็นเรื่องพฤติกรรม ผมฐานะนักการเมือง ที่ถูกรัฐบาลชุดนี้ต่อว่า การเมืองแบบเก่า รัฐบาลผมในอดีตที่เป็นนักการเมืองเก่าๆ เรายังมีความชัดเจน เรื่องธรรมาภิบาล ถ้านายกฯ อยากใช้คำว่าธรรมาภิบาลอยู่ควรสะสางเรื่องนี้ การชี้แจงความโปร่งใส" นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตนเข้าใจถึงความสัมพันธ์และความผูกพันระหว่าง พล.อ. ประวัิตร และนายกรัฐนตรี แต่หากไม่สามารถชี้แจงความโปร่งใสได้ รัฐบาลจะต้องได้รับผลกระทบ ที่สำคัญคือการสร้างบรรทัดฐานที่รัฐบาลอ้างว่า เข้ามาทำให้การเมืองดีขึ้น ประเด็นเหล่านี้จึงจะผูกพันถึงอนาคต จนทำให้ประชาชนเสื่อมศรัทธาองค์กรอิสระและ ป.ป.ช. นอกจากนี้ ประเด็นดังกล่าวจะทำให้ ป.ป.ช. ทำงานยากขึ้น เพราะถูกสังคมจับตา และหากมีการชี้มูลออกมา จะมีประชาชนบางกลุ่มไม่เชื่อมั่น ดังนั้น เรื่องนี้จึงไม่ใช่เรื่องการเป็น แต่เป็นการวางรากฐานการเมืองในอนาคต ซึ่งรัฐบาลจะต้องจริงจังต่อเรื่องนี้ เพราะผูกพันถึง ป.ป.ช. และจะเชื่อมโยงไปยังศาลรัฐธรรมนูญในอนาคตด้วย