นายกรัฐมนตรี ระบุ มีคนบิดเบือนแนวทางไทยนิยม ยืนยันแนวทางไทยนิยมเป็นการต่อยอดขยายผลจาก ประชารัฐ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน
- 27 ม.ค. 61- พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. กล่าวในรายการศาสตร์พระราชา สู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทางสถานีโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ว่า การจะมีประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ได้หรือไม่ สิ่งสำคัญคือหน้าที่พลเมือง และการเคารพกฎหมาย เพราะจะเป็นสิ่งสะท้อนถึงระดับความเป็นประชาธิปไตยในสังคมมีมาก-น้อยเพียงใด พร้อมยังได้ชี้แจงคำว่าไทยนิยม ว่า ไม่ใช่การสร้างกระแสชาตินิยม เหมือนที่บางคนไม่เข้าใจ และพยายามบิดเบือน แต่สำหรับสถานการณ์ของประเทศในวันนี้ เป็นช่วงของการเปลี่ยนผ่าน ที่ต้องการการปฏิรูปที่อยู่บนพื้นฐานของความเป็นไทย และไม่ทิ้งหลักสากล
อีกทั้งยังระบุว่า ไทยนิยม เป็นการต่อยอดขยายผลจาก ประชารัฐ ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้เกิดการมีส่วนร่วม การรับผิดชอบร่วม และรัฐบาลจะแสวงหาความร่วมมือจากภาคเอกชน ภาควิชาการ ทำให้เกิดเป็น
"3 ประสาน ก็คือ ราษฎร์, รัฐ และ เอกชน" ซึ่งยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเอื้อประโยชน์ให้ใคร เพราะทุกคนนั้นอยู่ในห่วงโซ่เศรษฐกิจ ที่จะเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาและสร้างการพัฒนาได้อย่างยั่งยืนด้วยกลไก ประชารัฐ และน้อมนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง อันเป็นศาสตร์พระราชาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ซึ่งเป็นมรดกของชาติ มาเป็นหลักคิดสำคัญในการกำหนดยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ
ด้าน นายจาตุรนต์ ฉายแสง แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เชื่อว่าจะไม่มีการเลือกตั้งในปี 2562 หากเสียงสนับสนุนนายกรัฐมนตรีคนนอกยังไม่พร้อม และเห็นว่าโครงการไทยนิยมยั่งยืน เป็นการสร้างความนิยมนายกรัฐมนตรีคนนอก เชื่อมั่นว่าคนของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะไม่ลงสมัครเลือกตั้งหรือใส่ชื่อในบัญชีรายชื่อนายกรัฐมนตรีผ่านระบบพรรค เพราะเสี่ยงจะไม่ได้รับเลือกตั้ง
ดังนั้นจึงต้องอาศัยเสียงจาก ส.ส. 250 คน ซึ่งมีการดึงอดีต ส.ส. จากพรรคเดิมในขณะนี้ บวกกับการลงพื้นที่ของ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าคสช. ที่เดินสายพบประชาชน โดยมีงบประมาณลงพื้นที่ภายใต้คำว่าไทยนิยม ถือเป็นการหาเสียงรองรับนายกรัฐมนตรีคนนอกทั้งสิ้น