svasdssvasds

ครม. อัดงบ 30,000 กว่าล้าน พัฒนารากฐานเศรษฐกิจ

ครม. อัดงบ 30,000 กว่าล้าน พัฒนารากฐานเศรษฐกิจ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ชี้แจงการที่คณะรัฐมนตรี อนุมัติงบกลางกว่าจำนวน 30,000 ล้านบาท พัฒนาพื้นที่ สร้างรายได้เศรษฐกิจรากฐานให้มากขึ้น โดยนายรัฐมนตรีให้แนวทางการใช้งบเพื่อไม่ให้ซ้ำซ้อนกับโครงการไทยนิยม

พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีคณะรัฐมนตรี อนุมัติงบกลาง จำนวน 30,000 กว่าล้านบาท เพื่อขับเคลื่อนแผนงานต่างๆของกระทรวงมหาดไทย ว่า งบประมาณ 20,000 ล้านบาทโดยประมาณ จะถูกนำลงไปใช้ใน หมู่บ้านและชุมชนในกรุงเทพฯ กับเขตเทศบาล รวมทั้งสิ้น 82,000 กว่าแห่ง เฉลี่ยแล้วจะได้งบประมาณแห่งละ 200,000 บาท ซึ่งเป็นงบที่คณะกรรมการหมู่บ้านใช้โดยตรง แต่เวลาทำแผนงานโครงการ จะผ่านการตรวจสอบโดยผู้ว่าราชการจังหวัด นายอำเภอ สำนักงบประมาณ รวมถึง ภาคประชาสังคม ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ไปร่วมพิจารณาถึงความเหมาะสมของโครงการ จึงจะมีการอนุมัติให้ดำเนินการ แต่การเบิกจ่ายจะขึ้นตรงกับคณะกรรมการหมู่บ้าน โดยไม่ต้องผ่านกระทรวงมหาดไทย

ส่วนอีก 2,500 ล้านบาท เป็นงบประมาณที่ทำให้กระทรวงการคลังเกี่ยวกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อเป็นงบประมาณของคณะผู้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบรายละเอียดของบุคคลที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่ของกระทรวงมหาดไทยเพียงอย่างเดียว โดยเพื่อเป็นค่ารถ และค่าอื่นๆในการสำรวจ และงบประมาณอีก 9,000 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการหนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ หรือ โอทอป ที่จะเชื่อมโยงกับแผนการพัฒนาพื้นที่ของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า งบประมาณส่วนนี้อาจจะซ้ำซ้อนกับโครงการไทยนิยม นั้น พล.อ.อนุพงษ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรี ให้หลักการกว้างๆ คือ ต้องเป็นความต้องการของพื้นที่ แต่ต้องตอบสนองเรื่องการทำมาหากินของประชาชนเป็นหลัก แต่งานอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับการอำนวยความสะดวกให้ประชาชน เช่น การทำถนน ก็ให้ใช้งบปกติ แต่ถ้าเป็นการทำถนนเพื่อจุดประสงค์ด้านการท่องเที่ยว สร้างรายได้ให้ชุมชนดีขึ้น ก็จะเป็นการใช้งบประมาณในโครงการไทยนิยม

ส่วนข้อวิจารณ์ว่า การให้งบประมาณในส่วนนี้กับชุมชนเป็นเหมือนการซื้อใจประชาชนก่อนเลือกตั้งหรือไม่นั้น พล.อ.อนุพงษ์ ย้ำว่า แม้ที่ผ่านมาตัวเลขเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศจะดี แต่ก็ถูกวิจารณ์ว่าฐานรากยังไม่ดี งบประมาณเหล่านี้ จึงมีจุดประสงค์เพื่อแก้เศรษฐกิจฐานรากของประชาชนให้มีรายได้เพิ่มขึ้น ส่วนจะมีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างไร ก็ยังมีคนวิพากษ์วิจารณ์อยู่อย่างนั้น

พล.อ.อนุพงษ์ ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการจะนิยมว่า ขณะนี้จบรอบที่ 1 แล้ว ที่ลงไปพูดคุยระดับตำบล ซึ่งเป็นการสร้างความเข้าใจกับประชาชนสร้างความรับรู้ด้านประชาธิปไตย ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ส่งความต้องการของประชาชน ขณะนี้ อยู่ระหว่างรวบรวมความเห็นที่ไปรับฟัง เพื่อมาแปลงเป็นแผนงานโครงการในลักษณะที่ทำได้

///////////////////

related