นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ ย้ำเดินหน้าตรวจสอบงบก่อสร้างใหม่ต่อ หลังนายกรัฐมนตรีตีกลับงบไอที 8 พันล้านให้รัฐสภาทบทวน ข้องใจเอกชนบริษัทเดียวเสนอราคาได้ทุกรายการสินค้า แฉโทรทัศน์ 65 นิ้ว แพงถึง 1 แสน 7 หมื่นบาท
นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการจัดซื้อจัดจ้างระบบไอทีและระบบสาธารณูปโภคของอาคารรัฐสภาแห่งใหม่ หลังคณะรัฐมนตรีตีกลับงบประมาณ 8 พันล้านบาทว่า จะรอความชัดเจนจากสำนักงบประมาณก่อน หากพบความผิดปกติจึงจะเดินหน้าร้องต่อ ป.ป.ช. แต่เท่าที่ได้ดูเอกสารบางส่วนพบว่า มีการขอเสนอราคาเพื่อขออนุมัติงบจากคณะรัฐมนตรีมีความผิดปกติ เพราะนอกจากจะมีเพียงบริษัทเดียวเสนอราคาสินค้าทุกประเภทเข้ามาแล้ว รัฐสภายังใช้ราคาดังกล่าวยื่นของบจากคณะรัฐมนตรีเลย โดยไม่ได้กำหนดราคากลางก่อน
นอกจากนี้ ราคาสินค้าที่เสนอมาก็แพงกว่าความเป็นจริง อย่างโทรทัศน์ 65 นิ้ว มีราคาสูงถึง 170,000 บาท แต่เมื่อตรวจสอบในท้องตลาดมีราคาสูงสุดเพียง 9 หมื่นบาทเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่า การตรวจสอบหรือทักท้วงเรื่องนี้ อาจทำได้ยากเพราะแม่น้ำทุกสายไหลไปในทิศทางเดียวกันหมด
ด้านนายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่าในวันที่ 18 พ.ค.ได้เรียกประชุมฝ่ายเกี่ยวข้อง รวมถึงบริษัทออกแบบเพื่อหารือภายหลัง ครม. มีมติตีกลับงบประมาณเทคโนโลยีและสารสนเทศ (ไอซีที)การก่อสร้างอาคารรัฐสภาแห่งใหม่จากนั้นจะแถลงข่าวให้สื่อมวลชนรับทราบโดยจะให้บริษัทที่ออกแบบร่วมชี้แจงต่อสื่อมวลชน สำหรับประเด็นที่นายกรัฐมนตรีตั้งข้อสังเกตราคาไมโครโฟนมีราคาตัวละ 1.2 แสนบาทและนาฬิกาเรือนละ 7 หมื่นบาท สูงเกินเหตุนั้นถือเป็นการมองต่างมุมแต่ในเบื้องต้นต้องมีการปรับลดงบประมาณ พร้อมยืนยันการสร้างสภาใหม่โปร่งใสไม่มีการทุจริตแน่นอน
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวได้พยายามโทรศัพท์ ติดต่อไปยัง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) แต่ไม่ได้รับการติดต่อกลับ หรือรับสายใดๆ ทั้งที่เดิมวานนี้ นายพรเพชร มีกำหนดการเป็นประธานในงานสัมมนาที่รัฐสภา เรื่อง "แนวทางการบริหารจัดการปัญหาลิงในพื้นที่วิกฤต" แต่ได้ให้ นายวัลลภ ตังคนานุรักษ์ สนช. มาแทน
โดย คนใกล้ชิดนายพรเพชร ระบุว่า ท่านทราบเรื่องดังกล่าวแล้ว แต่ไม่รู้จะต่อสู้อย่างไร เมื่อสังคมมองว่ามีการคอร์รัปชันเกิดขึ้น จะชี้แจงอย่างไรคนก็ไม่ฟัง แม้ก่อนหน้านี้จะมีการแถลงข่าวไปแล้วก็ตาม