นายกฯ ยันปฏิวัติเข้ามาก็ถูกตรวจสอบ จวกคนละเมิดกฎหมายเป็นภาระประชาชน

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวว่า ประชาธิปไตยไม่ใช่ทำหน้าที่เพื่อส่วนใหญ่เพียงอย่างเดียวต้องเข้าใจว่าประชาธิปไตยหรือการเลือกตั้ง อาจเป็นมติของเสียงส่วนใหญ่ แต่รัฐบาลทุกรัฐบาลต้องดูเสียงส่วนน้อยแม้จะไม่ได้เลือกตั้งเรามา วันนี้รัฐบาลนี้แม้ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งก็ต้องดูคนทั้งประเทศซึ่งเป็นสิ่งที่สามารถทำได้ในทุกรัฐบาลต่อไป จึงฝากทุกคนสนับสนุนการแก้ปัญหาสังคมด้วย อย่างไรก็ตาม 4 ปีที่ผ่านมามีโครงการต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ซึ่งประเทศไทยก็เหมือนกับโครงกระดูก โดยร่างกายประกอบด้วยเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงทุกภาค ขณะที่เส้นเลือดบางเส้น เช่น เส้นเลือดหลักหรือเส้นเลือดใหญ่ยังติดๆดับๆ ก็ต้องต่อกันให้ได้ วันนี้จึงทำทุกอย่างเพื่อเป็นโครงสร้างให้ได้ เพื่อให้ร่างกายมีเนื้อมีหนัง ไม่เช่นนั้นก็เป็นร่างกายที่มีเพียงโครงกระดูก อ่อนแอ ใช้แขนขาไม่ได้

ทั้งนี้ ใครรู้สึกว่าถูกรังแกรัฐบาลนี้พร้อมดูแลให้ตามกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่เป็นตามที่มีการบิดเบือนว่าคนจนติดคุกหมด ซึ่งอย่าลืมว่าศาลยุติธรรมได้ทำคดีมาเป็นแสนเป็นล้านคดีมาแล้ว หากไม่ดีประเทศไทยคงอยู่ถึงวันนี้ไม่ได้ แต่อาจมีบางส่วนที่ไม่ดีก็ต้องถูกขจัดออกไป ข้าราชการ ตำรวจ และทหาร หากไม่ดีก็ต้องขจัดออกไป ตนก็พยายามอย่างเต็มที่มุ่งมั่นแก้ปัญหาให้ได้ อย่างไรก็ตามรัฐบาลได้สร้างโอกาสหลายอย่าง อาทิ การร่วมมือภาครัฐ เอกชน และประชารัฐ ซึ่งรัฐบาลนี้เป็นคนทำไว้ทั้งสิ้น

ขณะเดียวกัน วันนี้มีหลายกิจกรรมที่ให้ท้องถิ่นซึ่งเป็นคนที่ประชาชนเลือกขึ้นมาเป็นผู้ดำเนินการทั้งเรื่อง ขยะหรือถนนหนทางต่างๆในพื้นที่ จึงอยากบอกว่างบประมาณไม่เพียงพอ เพราะรัฐบาลกลางมีการเฉลี่ยงบจากที่อื่นใส่ให้เพิ่มรวมถึงการเก็บภาษีแต่มีค่าใช้จ่ายแต่ละปีที่ต้องลงไปสนับสนุนท้องถิ่นที่ทุกคนเลือกตั้งเข้ามา ทั้ง อบต. อบจ.เพิ่มอีกกว่า 2 แสนล้านบาทถือเป็น 3 เท่าจากที่จัดเก็บภาษีได้จากประชาชน ดังนั้นขอให้ท้องถิ่นร่วมกันพัฒนา ซึ่งในการเลือกตั้ง อบต. อบจ. และกำนันผู้ใหญ่บ้านต้องมีคนที่มีคุณภาพและมีความรู้ในการบริหารราชการแผ่นดิน การจัดสรรงบประมาณและการพัฒนาจึงต้องเลือกคนแบบนี้เข้ามาในการทำงานไม่เช่นนั้นก็จะเป็นอยู่แบบเดิมต่อไป

ส่วนในเรื่องกฏหมาย เข้าใจว่าประชาชนไม่มีใครชอบกฏหมาย อยากมีอิสระแต่ต้องคิดว่าสิทธิของตนเองไปละเมิดคนอื่นหรือไม่ ซึ่งกฏหมายต้องมีกรอบกติกา ไม่ใช่ประชาธิปไตยต่างคนจะทำอะไรก็ทำ ประชาธิปไตยทุกประเทศก็เป็นแบบนี้หากไม่สงบเรียบร้อยก็ต้องบังคับใช้กฏหมาย ย้ำว่าวันนี้ไม่ได้พูดให้ใครเสียหายแต่พูดเพื่อประเทศของเราไม่ใช่ประเทศของตนคนเดียวแล้วทำทุกอย่างคนเดียว ทุกคนต้องช่วยกัน ซึ่งความคิดสามารถเป็นอิสระได้แต่ต้องไม่นำไปสู่ความขัดแย้ง ขณะเดียวกัน ย้ำว่ากฏหมายไม่เคยสร้างภาระให้ใคร ถ้าไม่มีความผิดก็ไม่มีภาระ แต่หากไปละเมิดกฎหมาย แล้วบอกไม่ได้รับความเป็นธรรมนั้นถือเป็นภาระประชาชน ตนก็มีภาระของตน จึงระวังกฎหมายทุกตัว ทำอะไรก็ไม่ละเมิดกฎหมาย ไม่ใช่ว่าตนเองเข้ามาแบบนี้แล้วจะไม่ถูกตัวสอบ ตนเองต้องรับผิดชอบในฐานะหัวหน้ารัฐบาลและนายกฯ ไม่ใช่นายกอยู่แล้วไร้การตรวจสอบ แต่ตัวเองโดนทุกอัน แต่เราต้องมีหลักการ ยึดสิ่งที่ถูกต้องและบริสุทธิ์ ดังนั้นตนไม่มุ่งหวังให้ประเทศถอยหลัง จากการที่ตัวเองเข้ามาในวันนี้ แต่ต้องการให้ประเทศเดินไปข้างหน้า

“หน้าที่ผมก็มี อยู่ในช่วงเวลาที่ผมเข้ามาแบบนี้ วันนห้าเป็นประธิปไตยมันต้องมีคนทำเรื่องนี้ต่อไปให้ได้ ว่าจะเลือก หรือจะเลือกแบบเดิม จะเอาอย่างไรก็ไปคิดกันเอง เป็นเรื่องของท่าน “

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าได้มีตัวแทนเยาวชนยกมือและลุกขึ้นถามนายกรัฐมนตรี ว่า ทำงานเหนื่อยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่าก็มีเหนื่อยเหมือนกัน แต่เมื่อมีคนห่วงใยก็หายทันที สิ่งที่ทำวันนี้ต้องการกำลังใจเท่านั้น ไม่ต้องการให้คนมารัก ขอให้รักประเทศ รักแผ่นดินเกิดของตัวเอง เกิดในแผ่นดินไทยแล้วก็ต้องตอบแทน อย่างน้อยเรามีที่ยืน เป็นประเทศของเราที่ไม่เคยเป็นของใคร เป็นแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ เราจึงต้องตอบแทนแผ่นดินของเราให้ได้ เมื่อตนเองท้อแท้หรือเหน็ดเหนื่อยจะกระตุ้นตัวเอง และสร้างแรงศรัทธา ว่าสิ่งที่กำลังทำเป็นสิ่งที่ดีและถูกต้อง รวมถึงฟังประชาชน และนำมาแก้ไขปรับปรุง ไม่ใช่ทำอะไรแล้วเกิดประโยชน์กับตัวเองและรัฐบาลเท่าทั้น แต่ประโยชน์ที่ทำวันนี้ทั้งหมด ใครจะมาบริหารบ้านเมืองก็ตาม ผลประโยชน์ต้องตกกับประชาชน และประเทศชาติ วันหน้าก็ต้องเป็นประชาธิปไตยแล้ว ส.ส. และนายกก็มาจากการเลือกตั้งทั้งสิ้น ซึ่งเป็นเรื่องของรัฐธรรมนูญ ในวันหน้าจะเป็นอย่างไรขึ้นอยู่กับทุกคน

พร้อมถามกลับ ว่าพวกเราอายุเท่าไร เลือกตั้งต้นปีหน้า ใครอายุ 18 ก็ของให้ไปเลือกตั้งทุกคน ขอให้อย่างตนคิด และคิดว่าจะเลือกใคร เลือกอย่างไร จะได้รัฐบาลดีไม่ดี ขึ้นอยู่กับทุกคน จะโทษตนอีกไม่ได้ และวันหน้าหากตีกันอีกก็จะโทษตนเองอีกไม่ได้เช่นกัน เพราะวันนั้นตนเองก็แก่แล้ว

ในช่วงท้ายนายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ไม่อยากให้มีการบังคับให้ตบมือ หรือเตรียมการอะไรเป็นพิเศษ ตนเองไม่ชอบ นายกไม่ใช่คนหรูหรา กินอะไรง่ายๆทั้งก๋วยเตี๊ยวและข้าวแกง เป็นคนธรรมดา ไม่มีชนชั้น แต่ที่ตนเองคิดอะไรออก เพราะเป็นติดดิน ไม่เคยหรูหรา เป็นนายกรัฐมนตรีไม่เคยไปเดินห้าง

พร้อมกล่าวด้วยว่าวันนี้ตนเองพร้อมเดิหน้าไปกับกระทรวงหน่วยงาน เพื่อไม่ให้เกิดความล้มเหลว ซึ่งไม่ใช่นายกทำแค่คนเดียว แต่มีข้าราชการอีกหลายแสนล้านคน ดังนั้นอำนาจอยู่ที่ประขาชนทั้งสิ้น ในการเป็นประชาธิปไตย อำนาจในการเลือกนายกฯและส.ส.