จับตาศึกภายใน! ชิงเก้าอี้ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุ หากนายอลงกรณ์ พลบุตร จะสมัครชิงหัวหน้าพรรค ต้องผ่านเกณฑ์ที่เข้มงวด เพราะขาดสมาชิกภาพ ด้านเจ้าตัว โต้ยังไม่ตัดสินใจ แต่ยืนยันไม่ได้เป็นนอมินี คสช.
ศึกชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า แม้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. จะยกเลิกการทำไพรมารีโหวต แต่ก็เปิดโอกาสให้สมาชิกเลือกหัวหน้าพรรคโดยตรง ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดี เพื่อสมาชิกจะได้มีโอกาสกำหนดอนาคต และแสดงความเป็นเจ้าของพรรค
ซึ่งการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้ จะเป็นการหยั่งเสียงสมาชิกโดยตรง ต่างจากที่ผ่านมา ซึ่งฟังจากฐานสาขาพรรค โดยสาขาพรรค หรือ ส.ส. สามารถเสนอชื่อหัวหน้าพรรคได้ ส่วนเสียงส่วนใหญ่ยังสนับสนุนนายอภิสิทธิ์อยู่หรือไม่ หรือ สนับสนุน นายชวน หลีกภัย อดีตหัวหน้าพรรค หรือ สมาชิกคนอื่นๆ นั้น ขอให้รอดูวันที่ความจริงปรากฏ
ส่วนตัวยืนยันว่า ส่วนตัวยังคงสนับสนุน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นหัวหน้าพรรค เพราะมั่นใจว่า นายอภิสิทธิ์ สามารถเป็นนายกฯ ที่ดีได้อีกครั้ง
ขณะที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตอบโต้กรณี นายวัชระ เพชรทอง อดีต ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ พาดพิงว่า คสช. ส่งคนมาชิงหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เพื่อไปเป็นพรรคในสังกัด คสช. โดยระบุว่า หากหมายถึงตัวเขา ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ไม่มีคสช. หรือ ทหารคนไหนมาเกี่ยวข้อง มีแต่คนภายในพรรคทาบทาม แต่ยังไม่ได้ตัดสินใจ
พร้อมฝากถึงนายอภิสิทธิ์ อดีตหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคบางคน ว่า จะปฏิรูปพรรคต้องเปิดใจกว้าง อย่าให้ลูกพรรค ดิสเครดิตทำลายชื่อเสียง กีดกันกันตั้งแต่ไก่โห่ ทั้งที่ยังไม่ตัดสินใจ จะลงสมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ด้านนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีของนายอลงกรณ์ หากจะกลับมาสมัครชิงหัวหน้าพรรคว่า เมื่อพ้นจากสมาชิกภาพสมาชิกพรรคไปแล้ว ก็ต้องถือว่าไม่มีคุณสมบัติ แต่ถ้าอยากจะกลับเข้ามาได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรค ก็ต้องใช้เกณฑ์ที่เข้มกว่า
ซึ่งตามข้อบังคับของพรรค การสมัครหัวหน้าพรรค ต้องเป็นสมาชิกพรรคอย่างน้อย 5 ปี หรือไม่เช่นนั้นอาจต้องเป็น ส.ส. หรือดำรงตำแหน่งการเมือง ที่พรรคส่งไปเป็น หรือถ้าในกรณีขาดคุณสมบัติจริงๆ ที่ประชุมใหญ่สามารถยกเว้นคุณสมบัติด้วยคะแนน 3 ใน 4 ได้ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างแก้ไขข้อบังคับพรรค ให้เปิดกว้าง แต่หลักเกณฑ์ในการได้รับเสนอชื่อ ต้องเข้มกว่าเดิม เช่น คนในหรือผู้มีคุณสมบัติต้องมีอดีต ส.ส. 20 คน ในการรับรอง ส่วนคนนอกหรือคนที่คุณสมบัติไม่ครบ อาจต้องมีอดีต ส.ส. 40 คน ในการรับรอง เป็นต้น
