"ธีรยุทธ์" ซัด 4 ปี หลังเลือกตั้ง เหลื่อมล้ำ-คอร์รัปชัน ปัญหาใหญ่!

นายธีรยุทธ บุญมี นักวิชาการอิสระ กล่าวในงานปาฐกถา 45 ปี 14 ตุลา ครั้งที่ 4 ในหัวข้อ มองประเทศไทยหลังการเลือกตั้ง ปัญหาที่ใหญ่กว่าวิกฤติการเมือง หลังจากว่างเว้นการวิจารณ์การเมืองไป 4 ปี ในยุค คสช. โดยระบุว่า ปัญหาที่ใหญ่กว่าวิกฤติการเมือง คือความเหลื่อมล้ำที่มีในทุกๆด้าน การคอร์รัปชันขยายไปทุกระดับชั้น และกลุ่มทุนใหญ่ขยายอำนาจผูกขาดทางเศรษฐกิจ คุณภาพการศึกษาของไทยก็ลดลง ขณะที่การใช้ชีวิตประจำวันของคนไทยก็เปลี่ยนไปมาก กลายเป็นคนไทยซีพี เพราะการใช้ชีวิตทุกอย่าง ทั้งการ กิน การจ่ายค่าบริการต่างๆ ทำผ่านร้านสะดวกซื้อ เจ้าดัง

นายธีรยุทธ กล่าวว่า ในภาคสังคม โครงสร้างสังคมไทยกลายเป็นสองชนชั้นครึ่ง คือ รวยกระจุก จนกระจาย กลางกระจ้อน การคอร์รัปชันขยายไปทุกระดับชั้น ทั้งวงการศึกษา วงการสงฆ์ ท้องถิ่น และเรื่องการโกงกินลงไปสู่ระดับล่างมากขี้น

ในตอนหนึ่งนายธีรยุทธ มองอนาคตทางการเมืองเป็นประชาธิปไตยอิทธิพล และเป็นประชาธิปไตยอิทธิใต้อำนาจกลุ่มทุนใหญ่ คือ มีความพยายามของกลุ่มทุนใหญ่ผูกขาดที่จะสถาปนาอำนาจของตัวเอง และ คสช.ตั้งใจสืบทอดอำนาจมานานแล้ว ตั้งแต่ล้มรัฐธรรมนูญฉบับที่คณะของนายบวรศักด์ อุวรรโณ ร่างขึ้น แล้วเปลี่ยนเป็นชุดของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ซึ่งมีการเขียนกติกาให้ พรรคการเมืองเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีสามรายชื่อ จึงชัดเจนว่าต้องการกลับมาสืบทอดอำนาจอีก และมีโอกาสสูงมากที่พลเอกประยุทธ์ จะกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เพราะกติกาถูกออกแบบมาให้เอื้ออยู่ยาวเพื่ออุดมการณ์ของชนชั้นนำ

สุดท้าย นายธีรยุทธ ยังมองว่า การเมืองไทยยังมีโอกาสดีขึ้น เพราะมีแนวโน้มว่าจะมีหลายฝ่ายทั้ง เอกชน ธุรกิจ พรรคการเมือง ได้ก้าวออกมารับผิดชอบบ้านเมืองด้วยตัวเอง โดยไม่หวังรอตัวบุคคลหรือกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งอีกต่อไป พร้อมให้แง่คิดทิ้งท้ายว่า ยิ่งพูดปรองดอง ยิ่งห่างปรองดอง ขณะนี้ความขัดแย้งเหลืองแดงอยู่ในภาวะปกติแล้ว ไม่จำเป็นต้องเรียกร้องให้ฝ่ายใดเปลี่ยนจุดยืนหรืออุดมการณ์ พร้อมเชื่อว่า พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ จะไม่มีใครใช้วาทะกรรมแบบสุดขั้วมาหาเสียง เพราะถ้าใช้แบบสุดขั้ว พรรคที่จะชนะ คือ พลังประชารัฐ เพราะประชาชนจะรู้สึกว่าทหารจะเข้ามาระงับความขัดแย้งได้