ร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. จะบังคับใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 11 ธ.ค. 61 จากนั้นจะต้องจัดการเลือกตั้งภายในเวลา 150 วัน กฎหมายฉบับนี้ถูกจับตามากเป็นพิเศษในประเด็นการออกแบบบัตรเลือกตั้งแบบใหม่ รวมถึงวิธีการลงคะแนนที่นักวิชาการมองว่าจะไม่มีพรรคใดได้คะแนนแบบเบ็ดเสร็จ
การเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ที่จะมีรูปแบบแตกต่างไปจากในอดีตมาก เพราะรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ กำหนดให้มี ส.ส. 500 คน แบ่งเป็นแบบ แบ่งเขต 150 คน บัญชีรายชื่อ 150 คน ใช้ระบบเลือกตั้งแบบจัดสรรปันส่วนผสม แต่กาบัตรใบเดียว
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มองว่าระบบเลือกตั้งใหม่ทำให้ประชาชนต้องตัดสินใจเลือกยากขึ้น เพราะต้องเลือกถึง 3 อย่าง และการเลือกตั้งแบบนี้จะไม่มีพรรคไหนได้คะแนน มากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
นายปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
อีกหนึ่งความท้าทายของพรรคการเมืองที่จะต้องวางแผนในการหาเสียง คือเรื่องของการจับเบอร์ผู้สมัคร เนื่องจากการเลือกตั้งครั้งนี้จะต้องจับเบอร์รายเขต เท่ากับว่า ส.ส. บัญชีรายชื่อหากต้องการคะแนนจะต้องลงไปช่วย ส.ส.เขตหาเสียง ส่วนความยากของ กกต. จะต้องมีการจัดพิมพ์บัตรเลือกตั้งเป็นรายเขตเช่นกัน
ล่าสุดก็มีข้อท้วงติงจากพรรคการเมือง ขอให้ใส่โลโก้พรรคการเมืองลงไปในบัตรเลือกตั้งด้วย เนื่องจากมองว่าหากไม่ใส่โลโก้ประชาชนบางคนที่อ่านหนังสือไม่ออกก็จะไม้รู้ อาจทำให้เกิดความวุ่นวายในวันเลือกตั้ง เรื่องนี้กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้าง โดยเฉพาะพรรคการเมืองที่ต่างเรียกร้องให้ กกต.พิจารณาทบทวน
อย่างไรก็ตาม บัตรเลือกตั้งที่ผ่านมา บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขตจะไม่มีโลโก้พรรค เเต่บัตรเลือกตั้ง ส.ส. บัญชีรายชื่อ จะมีโลโก้พรรคกำหนดไว้ด้วย แต่ระบบเลือกตั้งแบบใหม่ จะเลือก เฉพาะ ส.ส.เขต แต่คะแนนจะถูกส่งไปให้ ส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย
บัตรเลือกตั้ง ส.ส.เขต จะไม่มีโลโก้พรรค
บัตรเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ จะมีโลโก้พรรคกำหนดไว้
ซึ่ง กกต. ก็รับเรื่องนี้ไว้พิจารณา และเตรียมลงมติเลือกรูปแบบบัตรเร็วๆ นี้ โดย กกต.ระบุว่าจะคำนึงถึงความสะดวกในการจัดพิมพ์และจัดส่ง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้หมายเลขผู้สมัครแต่ละพรรค แต่ละเขต จะต่างกัน พร้อมยืนยันว่าไม่ได้มีการแทรกแซงจาก คสช. นายกรัฐมนตรีไม่ได้เสนอความเห็นในการออกแบบบัตรเลือกตั้ง แต่เป็นการชี้แจงจาก กกต. ซึ่งยอมรับว่ามีการออกแบบบัตรที่มีเพียงหมายเลขกับช่องกาบัตรจริง เพื่อความโปร่งใสในการจัดพิมพ์และจัดส่ง
ส่วนการหาเสียง ตามกฎหมายใหม่ทุกพรรคจะถูกควบคุมการหาเสียงด้วยงบประมาณ โดยมาตรา 62 กำหนด ให้ กกต.หารือกับหัวหน้าพรรคการเมืองเพื่อกำหนดวงเงินค่าใช้จ่ายหาเสียงของผู้สมัครแบบแบ่งเขตแต่ละคน และห้ามผู้สมัครรวมถึงพรรคการเมืองใช้จ่ายเงินเพื่อการหาเสียง เกินกว่าที่ กกต.กำหนด มีโทษสูงสุดคือ ใบแดง ซึ่งค่าใช้จ่ายดังกล่าว จะร่วมถึงบรรดาเงินหรือทรัพย์สินที่บุคคลนำมาให้โดยไม่คิดค่าตอบแทนด้วย ส่วนวิธีการหาเสียง ขนาดป้ายหาเสียง เวทีปราศรัย และการหาเสียงผ่านโซเชียลมีเดีย นั้น กกต.จะหารือกับพรรคการเมือง เพื่อออกระเบียบว่าด้วยการหาเสียงของพรรคการเมือง โดยทุกอย่างอยู่บนพื้นที่ฐานของความเป็นธรรมและเท่าเทียมกันทุกพรรคการเมือง
ทั้งนี้ เมื่อกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส.มีผลบังคับใช้ กรอบเวลาการเลือกตั้งก็ชัดเจนมากขึ้น แต่ กกต.และรัฐบาลได้กำหนดกรอบเวลาเลือกตั้งไว้ดังนี้
แม้กรอบเวลาการเลือกตั้งจะชัดเจนแล้ว แต่ก็มีหลายอย่างที่ทุกคนต้องจับตาโดยเฉพาะกลยุทธ์ต่างๆ ที่พรรคการเมือง จะงัดออกมาเพื่อเรียกคะแนนเสียงจากประชาชน และที่สำคัญท่าทีของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่หลายคนจับตาว่าสุดท้ายแล้วจะยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นบัญชีนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่