svasdssvasds

รองโฆษกไทยรักษาชาติ ชี้มติ ป.ป.ช. ทำคนโกงเห็นช่องทางทุจริต

รองโฆษกไทยรักษาชาติ ชี้มติ ป.ป.ช. ทำคนโกงเห็นช่องทางทุจริต

รองโฆษกไทยรักษาชาติ ชี้มติ ป.ป.ช. สร้างมาตราฐานกระบวนการยุติธรรมใหม่ คนโกงเห็นช่องทาง อ้างยืมเพื่อน ย้ำผลการตัดสินไม่เกินความคาดหมาย สุดท้ายปาหี่ แหกตาประชาชนทั้งประเทศ

นางสาวขัตติยา สวัสดิผล รองโฆษกพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวถึงกรณีที่ป.ป.ช. มีมติ 5:3 ชี้ว่ายังไม่มีมูลเพียงพอว่าพลเอกประวิตร วงศ์สุวรรณ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จจากการมีนาฬิกาหรู 22 เรือนในครอบครอง และอ้างว่ายืมของเพื่อนมาใส่ และเพื่อนผู้เป็นเจ้าของนาฬิกาได้เสียชีวิตไปแล้วนั้น นางสาวขัตติยาเห็นว่า นี่คืออีกหนึ่งผลงานชิ้นโบว์ดำของรัฐบาลคสช. รัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร ใช้ระบบการปกครองบริหารงานแบบเผด็จการไม่เห็นหัวประชาชน จนทำให้การตรวจสอบความโปร่งใสของผู้มีอำนาจไร้ซึ่งความหมาย กว่าหนึ่งปีที่ประชาชนรอคอยผลการตรวจสอบที่มาของนาฬิกา แต่สุดท้ายคำตอบที่ได้คือหาที่มาของนาฬิกาไม่ได้และโอนเรื่องต่อไปให้กรมศุลกากรดำเนินการต่อ

นางสาวขัตติยา กล่าวต่ออีกว่า หนึ่งปีที่ผ่านมา การพิจารณาสอบสวนเรื่องนาฬิกาของพลเอกประวิตร เหมือนเป็นแค่พิธีกรรมปาหี่โกหกประชาชน และเชื่อว่าผลสอบที่ออกมาก็ไม่ได้เหนือความคาดหมายหรือสร้างความแปลกใจให้ประชาชนสักเท่าไหร่ แต่ทำให้ประชาชนเห็นถึงความไม่จริงใจในการใช้อำนาจ เพื่อปกป้องคนในรัฐบาลคสช. และเพื่อปกป้องและรักษาอำนาจของรัฐบาลเผด็จการไว้ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเข้าสู่โหมดหาเสียงเลือกตั้ง และอย่าลืมว่าเหล่าคนในรัฐบาลคสช.นี้ส่วนหนึ่ง ได้ไปจัดตั้งพรรคการเมืองที่พร้อมเสนอชื่อพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าหากประชาชนปล่อยให้มีการสืบทอดอำนาจของกลุ่มคนที่มาจากรัฐบาลคสช.ต่อไป การถ่วงดุลตรวจสอบการทำงานในเรื่องต่างๆ ก็คงมีผลไม่ต่างกับการตรวจสอบเรื่องนาฬิกาหรูของพลเอกประวิตร เพราะฉะนั้น จึงอยากให้ประชาชนพิจารณาดูให้ดีว่า “การเลือกตั้งในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2562 นี้ ท่านจะเลือกพรรคที่สนับสนุนประชาธิปไตยเพื่อให้ประเทศกลับเข้าสู่ระบบการตรวจสอบความโปร่งใสตามกลไกประชาธิปไตย หรือท่านจะเลือกพรรคที่สืบทอดอำนาจระบบเผด็จการที่การตรวจสอบความโปร่งใสเป็นเพียงการปาหี่”

.

โดย มติของ ป.ป.ช.ในเรื่องนี้ จะเป็นบรรทัดฐานที่สำคัญให้ นักการเมืองหรือข้าราชการ ที่ตั้งใจเข้ามาเพื่อการทุจริต ใช้เป็นมาตราฐานในการแก้ข้อกล่าวหา ซึ่งต่อไป ป.ป.ช. เองจะทำงานลำบาก เปิดช่องทางให้เกิดการทุจริต คนที่เป็นผู้ถูกกล่าวว่าปกปิดการแจ้งบัญชีทรัพย์สิน ก็จะอ้างว่าทรัพย์สินที่มีอยู่นั้นเป็นของบุคคลอื่นที่ยืมมา มติของ ป.ป.ช. ในเรื่องนาฬิกาของพลเอกประวิตร จะกลายเป็นดัชนีชี้วัดที่สำคัญว่า ป.ป.ช. เป็นองค์กรที่ถูกครอบงำด้วยอำนาจเผด็จการ หมดความน่าเชื่อถือและขาดความเป็นอิสระ นางสาวขัตติยากล่าว

related