เลือกตั้ง 62 : "กรณ์" โต้ "สมคิด" ปชป.มีจุดยืนชัดเจน ชี้นักลงทุนห่วงเรื่องตั้ง ส.ว.มากกว่า

"กิตติรัตน์" นำหาเสียงชูแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ใน 6 เดือน

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นำทีมลงพื้นที่จังหวัดชัยนาท โดยย้ำถึงแนวนโยบายเศรษฐกิจภาพรวมของพรรค คือ ปรับหนี้-เติมเงิน-ลดภาษี-สร้างเศรษฐีใหม่ ภายใต้หลักการ "ลดรายจ่าย-สร้างรายได้-ขยายโอกาส” หากได้เป็นรัฐบาล ทางพรรคประกาศแล้วว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศภายใน 6 เดือน และแน่นอนว่าเมื่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น ทุกจังหวัดรวมถึงจังหวัดชัยนาท ก็จะได้ประโยชน์โดยทั่วหน้ากัน

ขณะที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในบัญชีของพรรคเพื่อไทย เดินพบประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าตามห้างร้านและในตลาดสดปลา เทศบาลเมืองสิงห์บุรี ระหว่างทางสร้างสีสันด้วยการใช้เข่าทุบกระบอกข้าวหลาม และโชว์พลังแกะข้าวหลามด้วย

ขณะเดียวกันสื่อสารกับพ่อค้าแม่ค้าว่า สิ่งแรกที่รัฐบาลชุดใหม่มา ระยะสั้นต้องเร่งแก้ราคาพืชผลการเกษตร และต้นทุนการผลิต เชื่อว่าจะทำให้มีกำลังซื้อมาหมุนเวียนในตลาดมากขึ้น นอกจากนี้เห็นว่าจังหวัดสิงห์บุรีมีระบบชลประทานที่ดี ถ้าหากเสริมให้เกษตรปลูกพืชทางเลือกที่มีมูลค่าเสริม เป็นการเพิ่มโอกาสในช่วงที่ราคาสินค้าในตลาดโลก รวมทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวด้วย

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประธานคณะกรรมการนโยบายพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุคส่วนตัว Korn Chatikavanij ให้ความเห็นกรณีที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พูดถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กรณีที่แสดงจุดยืนชัดเจน ไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรคพลังประชารัฐ โดยระบุว่า แน่นอนที่มีทั้งคนที่ถูกใจและไม่ถูกใจ แต่ถือว่าเป็นสิทธิและหน้าที่ของพรรคที่จะแสดงจุดยืนทางอุดมการณ์ เพื่อให้ประชาชนไม่สับสน

พร้อมฝากไปถึงนายสมคิด ว่า การแสดงจุดยืนว่าพรรคการเมืองสนับสนุนหัวหน้าพรรคตัวเอง และ ไม่สนับสนุนหัวหน้าพรรคของพรรคคู่แข่ง เป็นเรื่องปกติในโลกสากล จึงไม่เห็นว่ามีใครตระหนกตกใจ

 สำหรับประเด็นที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวระหว่างเป็นประธานการสัมมนาผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ คือ เรื่องที่อธิบายว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่จำเป็นต้องจัดให้มีการเลือกตั้งก็ได้ แต่เจ้าตัวยังเดินหน้าตามโรดแมปที่สัญญาไว้ และที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์เคยบอยคอตการเลือกตั้งมาแล้ว 2 รอบ แต่วันนี้มาประกาศบอยคอตนายกรัฐมนตรี ซึ่งรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันถูกออกแบบมาให้มีรัฐบาลผสม จึงคาดเดาได้ไม่ยากว่าพรรคไหนจะได้คะแนนเท่าไหร่ ดังนั้น การประกาศไม่เอาฝั่งซ้าย หรือฝั่งขวา ถือว่าเร็วเกินไป ทำให้นักลงทุนต่างชาติเกิดความกังวลว่าหลังเลือกตั้งแล้วประเทศไทยจะจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่