svasdssvasds

“พท.” ชี้ “บิ๊กตู่”​ ไม่เหมาะนั่งนายกฯ ยก 5 ประเด็นซัด

“พท.” ชี้ “บิ๊กตู่”​ ไม่เหมาะนั่งนายกฯ ยก 5 ประเด็นซัด

“พท.” ชี้ “บิ๊กตู่”​ ไม่เหมาะนั่งนายกฯ ยก 5 ประเด็นซัด มีลักษณะต้องห้ามยึดอำนาจ เพราะจงใจให้ขัดแย้งเพื่อสร้างความชอบธรรมยึดอำนาจ

เมื่อเวลา 13.00 น. การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 ซึ่งมีบุคคลที่ถูกเสนอต่อที่ประชุม จำนวน 2 คน คือ พรรคพลังประชารัฐ เสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขณะที่พรรคอนาคตใหม่ ฐานะตัวแทน 7 พรรคร่วมฝั่งของพรรคเพื่อไทย เสนอชื่อ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับการลงมติในประเด็นดังกล่าวยังไม่สามารถเกิดขึ้นได้ เพราะมีประเด็นที่สมาชิกรัฐสภา ขออภิปรายว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของบุคคลที่ถูกเสนอชื่อ ซึ่งเน้นเฉพาะคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ ที่ขาดคุณสมบัติต่อการดำรงตำแหน่งดังกล่าวเพราะ 1.มีสถานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของการดำรงตำแหน่งตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 98(15), 2. เคยมีพฤติกรรมที่ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรง เพราะใช้อำนาจล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการยึดอำนาจ เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ตามกฎหมายถือว่าเป็นบุคคลที่มีความผิดเข้าข่ายเป็นกบฎ, 3.เป็นบุคคลที่ไม่ศรัทธาในระบอบประชาธิปไตย ตามที่มาตรฐานจริยธรรมกำหนด, 4.ไม่ยึดมั่นในนิติรัฐเพราะใช้อำนาจตามมาตรา 44 แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม และ 5.เป็นบุคคลที่มีผลประโยชน์ขัดกัน ประเด็นว่าด้วยการใช้อำนาจหัวหน้าคสช. แต่งตั้งส.ว. 250 คน เพื่อลงมติให้กลับมาเป็นนายกฯ

โดยนายขจิตร ชัยนิคม ส.ส.อุดรธานี พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า พล.อ.ประยุทธ์ เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ คนต่อไป เพราะมีฐานะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐหรือพนักงานอื่นของรัฐ ซึ่งตามคำพิพากษาศาลฎีกาคดีที่นายสมบัติ บุญงามอนงค์ หัวหน้าพรรคเกียน ยื่นต่อศาลกรณีไม่ไปรายงานตัวตามคำสั่งของพล.อ.ประยุทธ์ เพราะไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐไม่มีอำนาจ แต่คำตัดสินของศาลระบุว่านายสมบัติต้องไปรายงานตัวตามคำสั่งเพราะเป็นคำสั่งที่มาจากเจ้าหน้าที่รัฐซึ่งมีอำนาจ รวมถึงพล.อ.ประยุทธ์​ ยังรับเงินเดือนประจำ นอกจากนั้นพล.อ.ประยุทธ์ ยังมีพฤติกรรมฝ่าฝืนมาตรฐานจริยธรรมร้ายแรง กรณีที่ระบุว่าต้องเลื่อมใสในระบอบปกครองประชาธิปไตย แต่ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ใช้อำนาจยึดอำนาจจากประชาชน และฉีกรัฐธรรมนูญ

ด้านนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า ว่า ส.ส. จาก 7 พรรคร่วมฝ่ายประชาธิปไตยไม่สามารถเห็นชอบให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ ได้เพราะเป็นบุคคลที่ฝ่าฝืนจริยธรรมร้ายแรง มีผลประโยชน์ขัดกัน เพราะใช้อำนาจตั้ง ส.ว. รวมถึงการบริหารราชการที่ผ่านมาพบความล้มเหลว ใช้การบริหารงานแบบรัฐราชการศูนย์กลาง ไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนมีส่วนร่วม ขณะเดียวกันคุณลักษณะของการเป็นนายกฯ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดว่าต้องมีความซื่อสัตย์เป็นที่ประจักษ์ พบว่าในภาพกว้างพล.อ.ประยุทธ์บริหารราชการที่กระทบกับประโยชน์ประเทศและประชาชน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการอภิปรายของ ส.ส.ฝั่งพรรคเพื่อไทย และพรรคร่วม อาทิ พรรคอนาคตใหม่ อภิปรายย้ำถึงประเด็นคุณสมบัติที่ไม่เหมาะสมของพล.อ.ประยุทธ์และไม่สามารถลงมติเห็นชอบได้ ทั้งนี้การอภิปรายดังกล่าวที่ใช้เวลานานเกือบ 1 ชั่วโมง 40 นาที การประท้วงการอภิปรายได้เริ่มขึ้น เมื่อนายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว. อภิปรายพวดพิงต่อการชุมนุมในอดีตที่สร้างความเสียหายกับประเทศร้ายแรง ถึงขั้นเผาบ้านเผาเมือง และเป็นสาเหตุให้ คสช. ยึดอำนาจ ทำให้นายคารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ และอดีตทนายความของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ประท้วงว่าอย่าสั่งสอน สมาชิกรัฐสภาคนอื่น และอย่าอภิปรายพาดพิงต่อเหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา​ในลักษณะตีกิน และสร้างความเสียหายกับบุคคลภายนอกซึ่งไม่เกี่ยวข้อง ซึ่งการประท้วงดังกล่าวได้ยุติ เมื่อนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ขอสมาชิกให้อภิปรายในประเด็นและอย่าพาดพิงบุคคลอื่น

ขณะที่ฝั่งสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จากพรรคพลังประชารัฐ และ จากส.ว. อภิปรายรับรองคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ ซึ่งผ่านการตรวจสอบจากองค์กรอิสระ พร้อมสนับสนุนการให้ดำรงตำแหน่งต่อไป เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ด้านการบริหารราชการแผ่นดินและสามารถทำงานได้ต่อเนื่อง นอกจากนั้นยังมีการอภิปรายไม่สนับสนุน นายธนาธรเป็นนายกฯ เพราะคุณสมบัติไม่ครบ โดยพ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ อภิปรายว่าหากรัฐสภาเลือกนายธนาธรเป็นนายกฯ จะมีความวุ่นวาย เนื่องจากมีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ หากนายธนาธรได้รับเลือกจะไม่สามารถเข้าสภาเพื่อทำหน้าที่ได้ จะกลายเป็นนายกฯนอกสภาทันที

ทำให้ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ประท้วงเรื่องดังกล่าวและขอให้ถอนคำพูด ขณะที่การอภิปรายของสมาชิกรัฐสภายังอยู่ในประเด็นคุณสมบัติของผู้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนายกฯ และมีการประท้วงประปราย โดยนายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย อภิปรายถึงความไม่เหมาะสมของพล.อ.ประยุทธ์ ต่อการดำรงตำแหน่งนายกฯ เนื่องจากเป็นบุคคลที่ไม่ยึดมั่นในนิติรัฐ กรณีใช้อำนาจตามมาตรา 44 ปิดการทำเหมืองทองอัครา ทั้งที่บริษัทต่างชาติเจ้าของสัมปทานเหมืองทองปฏิบัติตามเงื่อนไขและกติกาของสากล ทั้งนี้บริษัทดังกล่าวยื่นฟ้องต่อศาล เบื้องต้นเชื่อว่ารัฐบาลไทยจะแพ้คดีและต้องชดใช้ค่าเสียหายไม่ต่ำกว่า 4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นเงินที่คนไทยต้องร่วมกันชดใช้ เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ ฐานะผู้ใช้มาตรา 44 จะไม่มีส่วนรับผิด ดังนั้นกรณีของพล.อ.ประยุทธ์ คือว่าเป็นบุคคลที่ไม่รักษาผลประโยชน์ของประเทศ

“ผมเข้าใจเหตุผลของสมาชิกฯ ที่อธิบายว่าด้วยเหตุผลการยึดอำนาจของ คสช. ผมยอมรับว่าตอนนั้นความขัดแย้งมีจริง แต่พล.อ.ประยุทธ์ไม่จริงใจต่อการขจัดความขัดแย้ง และจงใจสร้างความขัดแย้งเพื่อเป็นเหตุผลอันชอบธรรมที่จะยึดอำนาจ ดังนั้นผมมองว่าหากเลือกพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ คือ การนำคนเผาวัดมาเป็นเจ้าอาวาส ซึ่งพรรคเพื่อไทยขอจองกฐินกับพล.อ.ประยุทธ์ เรื่องคุณสมบัติจะต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญแน่นอน” นายสุทิน กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการอภิปรายในประเด็นคุณสมบัติของผู้เสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ ยังคงยาวนานต่อเนื่อง กว่า 4 ชั่วโมง จนมีผู้เสนอให้ปิดการอภิปราย อย่างไรก็ดี นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย ประท้วงว่า การอภิปรายเรื่องดังกล่าวโดยเฉพาะประเด็นสำคัญ ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง เพื่อให้ประชาชนได้รับทราบข้อมูล ทั้งนี้นายพรเพชร วินิจฉัยว่าขอให้ถอนข้อเสนอปิดประชุมไปก่อน เพื่อให้อภิปรายต่ออีก 2 ชั่วโมง หรือจนถึงเวลา 18.00 น.

related