svasdssvasds

"รสนา"ติง กัญเสรี เป็นการผูกขาดโดยรัฐ

"รสนา"ติง กัญเสรี เป็นการผูกขาดโดยรัฐ

"รสนา" ติง แก้กฏหมายกัญชาเสรี เป็นการผูกขาดโดยรัฐ พร้อมแนะ อย่าให้สถาบันพืชเสพติด ผูกขาดการรับซื้อ-ขายทั้งหมด

วันนี้ (7ก.ย.) ที่พรรคภูมิใจไทย จัดเวทีรับฟังความคิดเห็น ประกอบการจัดทำร่างพระราชบัญญํติ (พ.ร.บ.) ที่เกี่ยวข้องกับการเปิดเสรีกัญญา ตามนโยบายที่พรรคภูมิใจไทยนำเสนอช่วงหาเสียงเลือกตั้ง โดยมีนักวิชาการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมแสดงความเห็น เวทีรับฟังความเห็นดังกล่าว จัดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนนำเสนอร่างกฎหมาย ที่จัดทำไว้ 2 ฉบับเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร ก่อนปิดสมียประชุมสภาฯ วันที่ 18 กันยายนนี้

โดยขณะที่มีการเปิดเวทีรับฟังความเห็นอยู่นั้น น.ส.รสนา โตสิตระกูล อดีตส.ว.กทม. ให้ความเห็นว่าสถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย ตามร่างกฎหมายมีเนื้อหาที่ผูกขาด เพราะมีหน้าที่เป็นองค์กรที่กำกับดูแลแทนรัฐ ขณะเดียวกันตามพ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษฉบับแก้ไขล่าสุด ปลดล็อคกัญชาให้ใช้เป็นยา และใช้ทางการแพทย์ แต่การควบคุมที่เข้มข้นทำให้แพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้าน หรือรัฐวิสาหกิจชุมชนไม่สามารถปลูกได้ หากไม่ทำสัญญากับรัฐ อย่างไรก็ตามในร่างกฎหมายที่สนับสนุนให้ทำวิจัย แต่แพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านยังถูกผูดขาด คือ ไม่สามารถปลูกได้ ดังนั้นเพื่อให้ร่างกฎหมายบังคับใช้ได้จริง ควรเขียนบทบัญญัติว่าด้วยการผูกขาดโดยรัฐ 5 ปี และกำหนดให้แพทย์แผนไทย หมอพื้นบ้านสามารถปลูกกัญชาเพื่อใช้ทางการแพทย์ได้ นอกจากนั้นแล้วควรส่งเสริมเรื่องสิทธิบัตรยาที่ผลิตโดยหมอพื้นบ้าน และ แพทย์แผนไทย เพื่อให้ยาที่ผลิตได้ถูกนำไปใช้โดยแพทย์แผนปัจจุบันที่ยึดการใช้ยาเฉพาะยาที่จดสิทธิบัตรของต่างประเทศ นอกจากนั้นต้องยกระดับและพัฒนาหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทย ให้ทัดเทียมหมอแผนปัจจุบันด้วย

“การเสนอให้มีสถาบันพืชเสพติดฯ กำหนดว่าจะเป็นหน่วยงานเพื่อรับซื้อ ตามนโยบายที่กำหนดให้ปลูกในครอบครัว ไม่เกิน 6 ต้น จะผูกขาดการขายให้เฉพาะสถาบันฯ ส่วนแพทย์แผนไทย หรือหมอพื้นบ้านต้องซื้อกัญญาจากสถาบันเท่านั้นหรือไม่ ขณะที่เสรีของการปลูกโดยแพทย์แผนไทย และหมอพื้นบ้านจะดำเนินการอย่างไร ทั้งนี้ไม่ควรตั้งสถาบันฯ เพื่อให้ผูกขาดการรับซื้อหรือขายทั้งหมด ขณะที่โครงสร้างของสถาบันยังไม่ชัดเจน และอาจมีความกังวลเรื่องการตรวจสอบได้” น.ส.รสนา กล่าว

สำหรับร่างกฎหมายที่พรรคภูมิใจไทยเตรียมเสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร จำนวน 2 ฉบับ ประกอบด้วย 1. ร่างพ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมยาเสพติดให้โทษ มีสาระสำคัญคือ มาตรา 4 ให้แก้ไขมาตรา 26/2 โดยเพิ่ม (4) คือ ปลดล็อคการผลิต นำเข้า หรือส่งออกยาเสพติดให้โทษประเภท 5 คือ กัญชา, พืชกระท่อม, พืชฝิ่น, ทุกส่วนของพืชกัญชา, ทุกส่วนของพืชกระท่อม ในกรณีเพื่อประโยชน์สำหรับการพัฒนาเศรษฐกิจ และให้สิทธิบุคคลธรรมดาสัญชาติไทยสามารถปลูกพื่อการบริโภคส่วนบุคคล, รักษาทางการแพทย์, ผลิต, จำหน่าย ไม่เกิน 6 ต้นต่อครอบครัว ทั้งนี้ให้อยู่ภายใต้การควบคุม กำกับดูแล และการบริหารของสถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย และเสนอแก้ไข มาตรา26/5 ให้สิทธิสถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย เป็นหนึ่งในผู้ที่สามารถขอใบอนุญาตเป็นผุ้ผลิต นำเข้า ส่งออก จำหน่าย หรือมีไว้ในครอบครองซึ่งยาเสพติดให้โทษประเภทที่5

และ 2. ร่างพ.ร.บ.สถาบันพืชยาเสพติดแห่งประเทศไทย เพื่อจัดตั้งสถาบันพืชยาเสพติดฯ ที่มีนายกฯ​เป็นประธาน, และมีกรรมการ 26 คนอาทิ รองนายกฯ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข อธิบดีกรมการแพทย์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ และเปิดให้บุคคลภายนอกที่มาจากกรรมการสภาสถาบัน, ผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้แทนเกษตรกรและผู้แทนผลิตยา สัดส่วน 6 คนร่วมเป็นกรรมการ นอกจากนั้นให้ตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้วย

ขณะที่หน้าที่ของคือศึกษาวิจัย วิเคราะห์ และพัฒนาพืชยาเสพติด, ออกใบอนุญาตให้ประชาชน, รับซื้อพืชยาเสพติดและผลิตภัณฑ์ที่ได้รับอนุญาตตามกฎหมาย, เผยแพร่ สนับสนุน อบรม ศึกษา ส่งเสริมความร่วมมือด้านการพัฒนายาเสพติด ทั้งนี้ยังให้อำนาจสถาบันฯ ที่สอดคล้องกับหน้าที่ อาทิ จัดให้มีกองทุน, ทำความตกลงและทำความร่วมมือด้านการพัฒนาพืชยาเสพติดกับองค์กร หรือหน่วยงานภายในและภายนอกประเทศ รวมถึงมีกรรมสิทธิ์ สิทธิครอบครอง หรือทรัพย์สิน สร้าง ซื้อ จ้าง รับจ้างเกี่ยวกับทรัพย์สิน

related