svasdssvasds

ผลศาลตัดสิน "ธนาธร" คดีถือหุ้นสื่อ "วี-ลัค" ลงมติ วินิจฉัยแล้ว

ผลศาลตัดสิน "ธนาธร" คดีถือหุ้นสื่อ "วี-ลัค" ลงมติ วินิจฉัยแล้ว

ติดตามข่าวสารwได้ที่ https://www.springnews.co.th

ผลการตัดสิน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ คดีถือหุ้นสื่อ "วี-ลัค" ลงมติ วันที่ 20 พ.ย. 2562 ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในช่วงเวลา 13.00 - ‪14.00 น. ทั้งนี้โทษขั้นสูงสุดอาจถึงขั้นยุบพรรค และต้องระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท รวมถึงเพิกถอนสิทธิทางการเมืองกว่า 20 ปี ฯลฯ

ผลศาลตัดสิน "ธนาธร" คดีถือหุ้นสื่อ "วี-ลัค" ลงมติ วินิจฉัยแล้ว

20 พ.ย. 2562 จากกรณี คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อศาล เรื่อง ขอให้วินิจฉัยสมาชิกภาพความเป็น ส.ส.ของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคพรรคอนาคตใหม่ ว่าสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) เนื่องจากถือหุ้นสื่อบริษัท วี-ลัค มีเดีย เข้าลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.หรือไม่

ผลศาลตัดสิน "ธนาธร" คดีถือหุ้นสื่อ "วี-ลัค" ลงมติ วินิจฉัยแล้ว

สำหรับ ผลการตัดสิน ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยคดีถือหุ้นสื่อ "บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด" ประจำวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2562 หลังกระบวนการต่อสู้คดีมาถึงชั้นตุลาการศาลที่มีมติ 8:1 ให้นายธนาธรต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ชั่วคราว จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัย เมื่อวันที่ 23 พ.ค.2562 ที่ผ่านมา

ผลศาลตัดสิน "ธนาธร" คดีถือหุ้นสื่อ "วี-ลัค" ลงมติ วินิจฉัยแล้ว

ทั้งนี้หากผลการตัดสินคดีถือหุ้นสื่อของนายธนาธร ไม่มีความผิดจะสามารถเดินหน้าทำงานการเมืองในฐานะ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ได้ต่อไป แต่หากศาลรัฐธรรมนูญตัดสินว่านายธนาธรผิดจริง จะต้องพ้นสถานะจากการเป็น ส.ส. รวมถึงอาจมีการพิจารณาอีกว่ากระทำดังกล่าวเข้าข่ายเป็นความผิดตาม มาตรา 54 พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส.  ที่ระบุว่า สมัครลงรับเลือกตั้งเป็นส.ส.โดยทั้งรู้ว่าไม่มีสิทธิ ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมและมาตรา 132 (3) ที่ระบุว่า หัวหน้าพรรคหรือกรรมการบริหารพรรครู้เห็น ปล่อยปละละเลยให้มีการกระทำผิดโดยไม่ยับยั้ง   ให้กกต.ยื่นคำร้องศาลรัฐธรรมนูญขอสั่งให้ "ยุบพรรคอนาคตใหม่"

ผลศาลตัดสิน "ธนาธร" คดีถือหุ้นสื่อ "วี-ลัค" ลงมติ วินิจฉัยแล้ว

นอกจากนี้ยังเข้าข่ายมาตรา 151  พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. หรือไม่ ที่ระบุว่า ผู้สมัครรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิแล้วยังสมัครรับเลือกตั้ง ระวางโทษจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-200,000 บาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 20 ปี โดยศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งจะเป็นผู้พิจารณาตัดสิน

 

ผลการตัดสินศาลรัฐธรรมนูญวันนี้

เวลา 14.30 น. - ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเริ่มอ่านคำวินิจฉัยคดีธนาธร

- ศาลอธิบายคำร้องสมาชิกภาพธนาธรต้องสิ้นสุดลงหรือไม่ / อธิบายหลักการลักษณะต้องห้ามการถือหุ้นในกิจการสื่อสารมวลชน เพื่อป้องกันการใช้สื่อเพื่อความได้เปรียบทางการเมือง

- ศาลระบุ กกต.ยื่นคำร้องต่อศาลโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว

- ศาลอธิบายความหมายของคำว่า หนังสือพิมพ์ / สิ่งพิมพ์ ตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ ว่า หนังสือพิมพ์หมายรวมถึงนิตยสารด้วย / การเลิกกิจการต้องจดแจ้งภายใน 30 วัน

- ศาลชี้ บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ จดทะเบียน 10 ม.ค.2551 / แจ้งวัตถุประสงค์ ประกอบกิจการสิ่งพิมพ์ โรงพิมพ์ รับพิมพ์หนังสือ และโฆษกณาทุกรูปแบบ / บริษัทฯ ได้จดแจ้งการพิมพ์ ตาม พ.ร.บ.จดแจ้งการพิมพ์ เมื่อปี 2551 ด้วย

- ศาลชี้ ไม่ปรากฏหลักฐานว่า บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ จดแจ้งยกเลิกการพิมพ์ ก่อนวันที่ 16 ก.พ.2562 ซึ่งเป็นวันส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.

- ศาลชี้ บริษัท วี-ลัค มีเดีย ยังมีสภาพประกอบกิจการสื่อมวลชน ณ วันที่ส่งบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.

- ศาลชี้ ข้อต่อสู้ของผู้ถูกร้อง (ธนาธร) ที่อ้างว่าโอนหุ้นให้มารดา (นางสมพร) ตั้งแต่วนัที่ 8 ม.ค.62 นั้น / แต่ ปรากฏว่า ไม่มีการส่งแบบ บอจ.5 (แบบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น)  ที่บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ ต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยเร็ว

- ศาลยกข้อมูลในอดีต ชี้ว่า ทุกครั้งที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ  ได้ส่งแบบ บอจ.5 โดยเร็วเป็นปกติทุกครั้ง (มีการยกตัวอยา่งว่า ครั้งอื่นๆ มีการส่งแบบ บอจ.5 ทันที ใกล้เคียงกัับวันประชุมกรรมการบริษัท) ฉะนั้นการโอนหุ้นที่อ้างว่าโอน 8 ม.ค.62 นั้น จึงมีความผิดปกติ เพราะไม่ส่งสำเนารายชื่อเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นโดยเร็วเหมือนครั้งอื่น ทั้งๆ ที่เป็นการโอนหุ้นทีมีความสำคัญ เนื่องจากต้องนำไปใช้เป็นหลักฐานในการสมัคร ส.ส. เพื่อดำเนินงานทางการเมือง

- ศาลชี้ข้ออ้างธนาธรฟังไม่ขึ้น ที่ว่าไม่ได้ส่งแบบ บอจ.5 เพราะไม่มีนักบัญชีดำเนินการให้ / ศาลระบุว่าการโอนหุ้น หรือเปลี่ยนแปลงผู้ถือหุ้นของบริษัทวี-ลัค มีเดียฯ ครั้งอื่นๆ ใช้้วิธีส่งเอกสารทางอิเล็กทรอนิกส์ และไม่ได้มีความยุ่งยากแต่อย่างใด

- ศาลชี้ปมเรื่องเช็คค่าหุ้น / ซึ่งธนาธรใช้เวลาถึง 128 วัน กว่าจะนำเช็คไปเข้าบัญชี / แต่กฎหมายเช็ค (พ.ร.บ.เช็ค) มีหน้าที่ให้ผู้ครองเช็ค ให้ขึ้นเช็ค (เรียกเก็บเงิน) ภายใน 1 เดือน

- ศาลตรวจสอบรายละเดอียดย้อนนหลัง 3 ปี พบว่า ผู้ถูกร้อง มีการเรียกเก็บเงินตามเช็ค ตัง้แต่ 2 ล้านบาทขึ้นไป มีการเรียกเก็บเงิน ภายใน 42-45 วันทุกครั้ง

- ศาลย้อนข้อมูล นำเช็คไปขึ้นเงินนานที่สุด 98 วัน แต่ยอดเงินแค่ 2 หมื่นบาท / การนำเช็ค "สมพร" ขึ้นเงิน 128 วัน ผิดปกติวิสัย

- ศาลชี้ คำให้การรวิพรรณ เรื่องนำเช็คไปขึ้นเงินช้า ขัดแย้งกับหนังสือของผู้ถูกร้องเอง ที่ชี้แจงต่อ กกต. / คำอ้างรวิพรรณ ฟังไม่ขึ้น / สามารถมอบอำนาจให้คนอื่นไปขึ้นเงินแทนก็ได้ / ข้ออ้าง เรื่องการนำเช็คไปขึ้นเงินล่าช้า ไม่มีน้ำหนัก

- การโอนหุ้นของนางสมพร ไปให้หลาน ไม่มีค่าตอบแทน ย้อนแย้งกับการโอนหุ้นให้ลุก กลับมีค่าตอบแทน / การอ้างโอนหุ้นแบบไม่มีค่าตอบแทน ไม่มีหลักฐานตรวจสอบได้ว่าโอนจริงหรือไม่

- ศาลชี้ การโอนหุ้นให้หลานเพื่อดูแลกิจการ จริงๆ แล้วการถือหุ้นไม่ได้มีอำนาจจัดการในกิจการ / เอกสารโอนหุ้นอาจทำย้อนหลัง

- ศาลชี้ แม้ผู้ถูกร้อง (ธนาธร) เดินทางกลับจากบุรีรัมย์ วันที่ 8 ม.ค. มาที่กรุงเทพฯ ก็ยืนยันได้แค่ว่าอยู่ กทม.จริง / แต่ไม่ได้แปลว่ามีการโอนหุ้นกันจริง

- ศาลยกประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ 1129 การโอนหุ้นกันเฉยๆ โดยยังไม่จดแจ้งในทะเบียนผู้ถือหุ้น นำมาอ้างกับบุคคลภายนอกไม่ได้

- ศาลชี้ ผู้ถูกร้อง (ธนาธร) ยังคงถือหุ้น บริษัท วี-ลัค มีเดียฯ ในวันที่ยื่นสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ ถือเป็นลักษณะต้องห้าม สมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ถือว่าสิ้นสุดลง

related