svasdssvasds

ส.ว. จ่อต่อเวลาทำงาน กมธ. สอบประวัติว่าที่ตุลาการศาลรธน. รอบ 4

ส.ว. จ่อต่อเวลาทำงาน กมธ. สอบประวัติว่าที่ตุลาการศาลรธน. รอบ 4

"พล.อ.อู้ด" ยันไม่มีใบสั่งการเมือง ไม่รู้ถูกตั้งข้อสังเกต เกี่ยวคดียุบพรรคอนาคตใหม่ เสนอวุฒิสภา เตรียมพิจารณาขยายเวลาทำงาน กมธ. ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รอบ 4 อีก 15 วัน

วันนี้ (5 ม.ค. 63) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ได้นัดประชุมสมาชิกวุฒิสภา ในวันพรุ่งนี้ (6 ม.ก. 63) เพื่อพิจารณากระทู้ถามสด และกระทู้ทั่วไป และเรื่องตามระเบียบวาระ ซึ่งจะมีเรื่องที่ พล.อ.อู้ด เบื้องบน ส.ว.ฐานประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ขอขยายเวลาการพิจารณาของกมธ.ฯ​รอบที่ 4 ออกไปอีก 15 วัน จากเดิมที่การขยายเวลารอบที่3 จะสิ้นสุดลงวันที่ 14 มกราคม นี้

พล.อ.อู้ด ให้สัมภาษณ์ถึงการขยายเวลาตรวจสอบประวัติบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อเป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รอบที่ 4 ว่า เป็นไปตามการพิจารณาและมติของกมธ.ฯ และพิจารณาตามความจำเป็น ไม่ใช่ข้อเสนอที่จะให้ขยายเวลาตามความเห็นของตนเท่านั้น อีกทั้งการตรวจสอบเรื่องดังกล่าวที่สังคมมองว่าล่าช้ากว่าปกติ เพราะมีประเด็นการเมืองเกี่ยวข้องนั้น ตนยืนยันว่าการทำงานของกมธ.ฯ​ ไม่มีใบสั่งทางการเมือง หรือปฏิบัติตามคำสั่งของบุคคลใด อีกทั้งการพิจารณาตรวจสอบประวัติบุคคลที่เสนอชื่อให้เป็นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญนั้นต้องใช้ความถี่ถ้วนและรอบคอบ ทั้งนี้การขยายเวลาทำงานรอบที่ 4 ออกไปอีก 15 วัน ตนตอบไม่ได้ว่าการตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ หรือพฤติกรรทางจริยธรรมจะแล้วเสร็จหรือไม่

ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าการขยายเวลาทำงานของกมธ.ฯ ชุดดังกล่าวออกไป เพราะเกี่ยวกับการตัดสินคดียุบพรรคอนาคตใหม่ช่วงปลายเดือนมกราคมนั้น ตนไม่สามารถตอบในสิ่งที่ถูกตั้งข้อสังเกตได้ เพราะไม่ทราบ อีกทั้งยืนยันว่าการทำหน้าที่ของกมธ.ฯ ที่เป็นการประชุมลับ บุคคลภายนอกไม่สามารถรับรู้ข้อมูลได้ ทุกครั้งเป็นไปด้วยความละเอียดและรอบคอบ เพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี

ผู้สื่อข่าวถามว่าเหตุที่กมธ.ฯ ทำงานโดยใช้เวลามากกว่าปกติ เพราะพล.อ.อู้ดรับตำแหน่งประธานกมธ.ฯ สอบประวัติหลายคณะหรือไม่ พล.อ.อู้ด กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน อีกทั้งการทำงานของตนฐานะประธานกมธ.ตรวจสอบประวัติฯ  ที่ทำมาหลายชุดนั้นต้องยึดตามกรอบเวลา และหากจะขยายเวลาต้องยึดความจำเป็นเป็นหลัก ส่วนการตรวจสอบประวัติ พฤติกรรมและพฤติกรรมทางจริยธรรมของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่ขยายเวลาเกิน 3 ครั้ง ไม่มีประเด็นการเมืองใดแทรกแซงทั้งสิ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กมธ. สามัญเพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบประวัติ ความประพฤติ และพฤติกรรมทางจริยธรรมของบุคคลที่ได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ  ได้รับการแต่งตั้งให้ทำหน้าที่จากมติของที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อวันที่ 2 กันยายน 2562 หลังจากที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกา ส่งรายชื่อมายังที่ประชุมวุฒิสภา เมื่อ 5 สิงหาคม 2562 และได้รับเวลาพิจารณาครั้งแรก 45 วัน ทั้งนี้ได้ขอขยายเวลามาแล้ว 3 ครั้งๆ ละ 30 วัน ทำให้ได้ระยะเวลาพิจารณาก่อนที่มติที่ประชุมวุฒิสภา รวม 135 วัน หรือ กว่า 4 เดือน สำหรับรายชื่อบุคคลที่ที่ประชุมใหญ่ศาลฏีกาเลือกแล้ว มีทั้งสิ้น 3 คน ได้แก่ นายอุดม สิทธิวิรัชธรรม ประธานแผนกคดีคำสั่ง คำร้องและขออนุญาตฏีกาในศาลฎีกา, 2.นายวิรุฬห์ แสงเทียน ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฏีก และ3.นายจิรนิติ หะวานนท์ ผู้พิพากษาอาวุโสในศาลฏีกา

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าสำหรับเรื่องที่เตรียมการพิจารณาตามวาระคือ  ร่างข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของส.ว. และกรรมาธิการ (กมธ.) พ.ศ...​ซึ่งคณะกรรมาธิการฯ ที่มีนายพีระศักดิ์ พอจิต ส.ว. ฐานะประธานกมธ.ฯ พิจารณาแล้วเสร็จ ทั้งนี้มีประเด็นที่กมธ.ฯ แก้ไขเพิ่มเติม และเป็นสาระสำคัญ  คือการกำหนดจริยธรรมเกี่ยวกับการปกิบัติหน้าที่ของส.ว.และกมธ.ฯข้อ 28 ที่เพิ่มข้อกำหนดห้ามฝักใฝ่หรือยอมตนอยู่ใต้อาณัติของพรรคการเมืองใด ขณะที่รายละเอียดอื่นไม่พบการแก้ไข นอกจากนั้นกมธ. ยังให้ข้อสังเกตต่อที่ประชุมส.ว. พิจารณา  คือ ให้คณะกรรมการจริยธรรมวุฒิสภาตามข้อบังคับ เร่งกำหนดคู่มือการปฏิบัติโดยเร็ว เนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่ของส.ว.ฐานะผู้แทนปวงชนชาวไทย มีสถานะและการปฏิบัติหน้าที่บางประการที่แตกต่างจากองค์กรอื่น นอกจากนั้นให้ส.ว. แก้ไขเพิ่มเติมประกาศวุฒิสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติงานให้กับ กมธ.ฯ พ.ศ.2554 และประกาศวุฒิสภา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการแต่งตั้งบุคคลเพื่อปฏิบัติงานให้แก่ส.ว. พ.ศ.2554  โดยยึดเนื้อหาตามร่างข้อบังคับว่าด่วยประมวลจริยธรรมของส.ว.และกมธ.  เพื่อใช้บังคับกับที่ปรึกษา, ผู้ชำนาญการ, นักวิชาการและเลขานุการประจำกมธ.ฯ โดยอนุโลม และให้การลงโทษด้วยการพ้นจากตำแหน่ง หากพบการกระทำที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามจริยธรรมร้ายแรง ครอบคลุมถึงกลุ่มบุคคลดังกล่าว

related