"จิรายุ" จวก "ธนกร" ปากโทรโข่งเน่า แนะใช้มือทำงานให้มากกว่าใช้ปากแก้ PM2.5 เพราะอากาศเสียมีเยอะแล้ว ชี้ควรไปแนะนำผู้นำประเทศใจกว้างรับฟังคำติชม และตั้งใจทำงานอย่างจริงจัง ถ้าไม่ไหวก็ควรกลับไปเลี้ยงหลาน
นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณี นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ออกกล่าวถึง คุณหญิงสุดารัตน์เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์ของพรรค ในกรณีที่ไปช่วยเหลือประชาชนแจกหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันผลกระทบจากความไม่เหลียวแลและสนใจของรัฐบาลต่อค่าฝุ่นละอองPM 2.5 ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน
ซึ่งการออกมาพูดเช่นนี้ของโฆษกพรรครัฐบาลถือเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่ง และเป็นเรื่องที่ธรรมเนียมประเพณีการเมืองของพรรครัฐบาล ที่มีความเป็นสุภาพบุรุษจะไม่ใช้วิธีการเช่นนี้ เพราะการทำงานของฝ่ายค้านที่ช่วยเหลือประชาชนเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน
ที่ผ่านมาตนไม่เห็นว่า นายธนากร มีอะไรไปแจกประชาชนในช่วงฝุ่นพิษ นอกจากออกมาใช้ลมปากเพิ่มมลพิษ ทั้งๆที่ฝ่ายค้านทำงานช่วยเหลือประชาชน ทั้งเสนอแนะตามระบอบรัฐสภา และลงช่วยเหลืออย่างจริงจังต่อพี่น้องประชาชนทั้งนี้ควรจะมากราบขอบพระคุณ
นายจิรายุ กล่าวว่า โฆษกพรรคพลังประชารัฐต้องตักเตือนผู้นำประเทศว่าให้สนใจพี่น้องประชาชนคนไทยให้มากขึ้น พูดให้น้อยและทำให้เป็นรูปธรรมให้เยอะประชาชนจะได้ประโยชน์ อย่าเที่ยวไปตำหนิคนอื่นที่เขาช่วยเหลือประชาชน เพราะวันนี้มลพิษPM2.5 ก็มากพออยู่แล้วอย่าให้ลมปากมาเพิ่มอากาศเสียให้กับประชาชน
นายจิรายุกล่าวอีกว่า ถ้ารัฐบาลตั้งใจทำงานเพื่อประชาชนจริง อย่างที่นายธนากร มาอวดอ้างสรรพคุณ 3 ปีมานี้คงไม่มีปัญหาแบบนี้เหตุไฉนประชาชนเขาจึงด่ากันทั้งประเทศ
ครม. ตั้งแต่ปี 60 ก็ทำเป็นสนใจ มาปี 61 ก็เหมือนเดิม 62 หัวโต๊ะก็คนเดิม มีการติดตามงานหรือไม่ และมีผลอย่างเป็นรูปธรรมขนาดไหนเรื่องอย่างนี้ นายธนากร ควรจะออกมาบอกสังคมมากกว่าไปแขวะ คนอื่น อย่าปล่อยให้ชาวบ้านเขาเบื่อหน่ายรัฐบาลมากไปกว่านี้ทำงานให้เยอะพูดให้น้อยจะเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากกว่า
"วันนี้รัฐบาลต้องใช้มือทำงานและควรทำอย่างจริงจังไม่ใช่แก้ผ้าเอาหน้ารอดไปวันๆ การไปตำหนิติเตียนแกนนำพรรคฝ่ายค้านถือว่าไม่ใช่วิสัยของสุภาพบุรุษจ้องแต่จะเล่นการเมืองปกป้องนายเพื่อรักษาเก้าอี้ตนเองเท่านั้น ซึ่งจริงๆแล้วคุณหญิงท่านก็ไม่ถือ เพราะท่านถือคติขับรถเข้าซอยย่อมมีหมาเห่าเป็นธรรมดาคืนจะลงไปเตะปากหมาทุกตัวคงจะไม่ใช่วิสัยของสุภาพสตรี" นายจิรายุ กล่าว