กมธ. ซีกฝ่ายค้านชงงัด ม.144 เบรก ครม. ใช้ พ.ร.บ. โอนงบ 8.8 หมื่นล้านบาท ชี้การออกมติ ครม. ต้องชอบด้วย กฎหมาย และ รัฐธรรมนูญ
วันนี้ (7 มิ.ย. 63) เมื่อเวลา 12:30 น. ที่รัฐสภา นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล และนายเรืองไกร ลีกิจวัฒน กรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พระราชบัญญัติโอนงบประมาณรายจ่าย พ.ศ.... ได้กล่าวถึงการพอจารณาร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าวว่า มีหลายเป็นเด็นที่ยังคงเป็นปัญหา เช่น เรื่องความเห็นของกรรมการกฤษฎีกาที่ขัดกับรัฐธรรมนูญ รวมถึงการล็อกนิติบัญญัติ ทำให้ไม่สามารถปรับลดงบประมาณลงได้จากวงเงินที่ได้กำหนดเอาไว้
ทั้งนี้จะมีการตัดงบที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนออก แต่ยังคงงบในการใช้จ่ายที่ไม่เกิดประโยชน์ หรือจำเป็นเอาไว้ อาทิ งบดครงการอบรมการประชาสัมพันธ์ ซึ่งเป็นจุดสะท้อนภาพเจตนาการออกหลักเกณฑ์ที่เอื้อประโยชน์ต่อคนทที่มีศักยภาพมากกว่า โดยถือเป็นเรื่องที่ร้ายแรง และอยากให้มีการติดตามต่อ ซึ่งหากเราเป็นรัฐบาลก้คงจะยอมถอยในเรื่องดังกล่าว
นายเรืองไกร กล่าวต่อว่า ได้มีการสอบถามภายในที่ประชุมกรรมาธิการว่า หากที่ประชุมไม่ให้กฎหมายฉบับนี้ผ่านทาง ครม. จะมีการดำเนินการอย่างไร เพราะจะเท่ากับมติ ครม. 7 เมษายน เป็นโมฆะทันที และจะต้องมีการเอางบประมาณกลับมาพิจารณาตามแผนโครงการเดิมได้ทันหรือไม่ โดยทั้งนี้ มติ ครม. เองไม่ใช่กฎหมายแต่อย่างใด ต้องออกมติ ครม. โดยชอบด้วยกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ ด้วย ทั้งนี้ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณฯ ได้มีการพยายามยืนยันว่ากรรมาธิการไม่สามารถปรับลดงบประมาณได้ แต่ฟากตนเองกลับมองว่าเมื่อมีการตั้งกรรมาธิการ ก็ต้องสามารถปรับลดงบประมาณฯได้
ส่วนที่เป็นปัญหาคือ เรื่องของการการร้างกฎหมายที่ไม่ได้มีการเขียนเอาไว้แบบงบประมาณปี 63 ที่มีการระบุถึงปริมาณงบประมาณที่ต้องใช้จ่ายว่า ไม่ควรเกินเท่าไหร่ ในขณะที่ พ.ร.บ. ฉบับนี้กลับถูกเขียนขึ้นเพื่อให้ใช้เม็ดเงินทั้งหมด 8.8 หมื่นล้านบาทที่ได้โอนมา ฉะนั้นหาก พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่ผ่านก็เป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะต้องหาทางเอางบประมาณที่อนุมัติไปแล้วดังกล่าวกลับมา ซึ่งเรื่องนี้มองว่าเป็นการขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 วรรค 3 ว่าด้วยกรณีที่มีการแปรญัตติเปลี่ยนแปลง หรือแก้ไขเพิ่มเติมรายการ หรือจำนวนรายการในร่าง พ.ร.บ. โอนงบประมาณรายจ่ายมิได้ ซึ่งเรื่องนี้อาจส่งผลให้คณะ ครม. พ้นจากตำแหน่งทั้งหมดได้ รวมถึงให้เพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของรัฐมนตรีที่พ้นจากตำแหน่งด้วย
ทั้งนี้ นายเรืองไกร ยังกล่าวอีกว่า นายวิรนัช รัตนเศรษฐ ประธานวิปรัฐบาล ได้เข้ามาสอบถามใน กมธ. ถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ว่าจะมีการพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 11 มิถุนายนหรือไม่ ตนเห็นว่ารัฐบาลสามารถกำหนดกรอบระยะเวลาในการพิจารณาได้ แต่ไม่ควรเป็นการบีบบังคับ กมธ. ให้มีการพิจารณาทันตามวันเวลาที่กำหนด จึงต้องเรียนว่าในวันที่ 11 มิถุนายนนี้จะไม่สามารถนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาในวาระ 2-3 ได้ แต่ทาง กมธ. เองจะเร่งพิจารณาร่างกฎหมายดังกล่าวโดยเร็วที่สุด