svasdssvasds

กู้ 4 แสนล้าน ท้องถิ่นคิดโครงการไม่ถึง 10 วันหวั่นสอดไส้เปลี่ยนปก ไม่ถามประชาชน

กู้ 4 แสนล้าน ท้องถิ่นคิดโครงการไม่ถึง 10 วันหวั่นสอดไส้เปลี่ยนปก ไม่ถามประชาชน

ส.ว.สมชาย แสวงการ โพสต์เดือดขุดรายละเอียด เอกสารขอใช้เงินกู้กว่า 4 แสนล้าน ผุดโครงการต่างๆ หวังดึงของบ แต่ได้ถามประชาชนหรือยังว่าได้รับประโยชน์ไหม

เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 63 เฟซบุ๊กส่วนตัวของ ส.ว.สมชาย แสวงการ สมาชิกวุฒิสภา และอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว พร้อมด้วยเอกสาร ซึ่งเป็นรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการขอใช้เงินกู้ 4 แสนล้านที่มีเวลาให้ส่วนบริหารท้องถิ่นคิดโครงการในเวลาไม่ถึง 10 วัน พร้อมติดแฮชแท็กตั้งแต่หัวโพสต์ด้วยว่า #คนไทยเก่งที่สุดในโลก โดยโพสต์ดังกล่าวของ นายสมชาย แสวงการ มีการโพสต์ทั้งไทม์ไลน์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งเอกสารกว่า 30 ฉบับ

ทั้งนี้ ส.ว.สมชาย ได้แสดงความคิดเห็นว่า เห็นด้วยกับความเร่งด่วนในการใช้เงินเยียวยา แต่ไม่เห็นด้วยที่ต้อง "เร่งรีบร้อนลนรวบรัด" กับการออกโครงการเพื่อเสนอเป็นโครงการเพื่อขอใช้เงินกู้ เนื่องจากเงินทุกบานเป็นหนี้ที่ประชาชนต้องจ่ายคืน "กระสุนมีอย่างจำกัดต้องใช้ทุกนัดอย่างระมัดระวังเข้าเป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพและต้องประสพผล"

โดยไทม์ไลน์ พร้อมด้วยเอกสารดังกล่าวถูกไล่เรียงมาดังนี้

วันที่ 27 พ.ค. 63 ได้มีการออกหนังสือด่วนที่สุด 1544 จากกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นไปยังอค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ

วันที่ 28 พ.ค. 63 มีการลงประกาศให้ทราบทางเว็บไซต์ และ มีหนังสือจากสภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติเรื่องการจัดทำข้อเสนอโครงการไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด และให้ดาวน์โหลดเอกสารตัวอย่างโครงการ

วันที่ 29 พ.ค. 63 มีการเรียกประชุมในบางจังหวัด

วันที่ 30 พ.ค. - 2 มิ.ย. 63 ให้กลับไปจัดทำโครงการให้แล้วเสร็จเพื่อส่งจังหวัดให้ทันภายในวันที่ 2 มิ.ย. 63

วันที่ 3 - 4 มิ.ย. 63 ทางจังหวัดทยอยส่งโครงการที่จัดทำไปยัง กรมฯ​ และกระทรวงฯ

วันที่ 5 มิ.ย. 63 เอกสารถึงมือคณะกรรมการ

ซึ่งจุดนี้ นายสมชาย กล่าวว่า

 

"มหัศจรรย์จริงๆ???

งานนี้บางคนบอกอ่านเอกสารยังแทบไม่ทัน แต่ดูจากไทม์ไลน์จะเห็นว่าใช้เวลากันทำเอกสารโครงการกันแค่ 3-4 วัน เท่านั้น ทั้งๆที่แต่ละโครงการเป็น 10 ล้านร้อยล้าน

ไม่ต้องถามถึงการได้ออกไปทำประชาคมถามความจำเป็น(need)ของประชาชนในพื้นที่ว่าได้ทำกันบ้างมั้ย เท่าที่ทราบไม่มีครับ

ชาวบ้านบางคนบอกว่าเขาก็ทำกันแบบเดิมๆคือทำตามความต้องการ(want)ของราชการหรือองค์กรปกครองท้องถิ่นไม่ได้สนใจneedของประชาชนเท่าใดนัก

จะเป็นโครงการเพื่อเป้าหมายภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน ภาคท่องเที่ยวและบริการ หรือแผนฟื้นฟูกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากเพื่อสร้างงานสร้างรายได้ พัฒนาสินค้าและบริการชุมชน พัฒนาการตลาดและสิ่งอำนวยความสะดวก พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน หรือพัฒนาทักษะฝีมือแรงงงาน

ไม่ต้องกังวล ครับ อยากได้แบบไหน เดี๋ยวจัดให้"

 

นอกจากเนื้อหาไทม์ไลน์ดังกล่าวแล้ว ส.ว.สมชาย ยังได้ยกตัวอย่างโครงการในอดีตอีกว่า

 

"มีหลายตัวอย่างในอดีตไม่นาน

ชาวบ้านอยากได้ถุงยังชีพข้าวสารอาหารแห้ง อบจ. ก็จัดถุงน้ำใจสบู่ยาสีฟันขันถ้วยช้อนไปให้

ชาวบ้านกลัวเขื้อโควิดก็เลยทุ่มงบซื้อแอลกอฮอล์เกือบ 300 ล้านบาทราคาสูงเกินลิตรละ 300 ไปฉีดพ่นราดถนนให้เกือบ 1 ล้านลิตร

ชาวบ้านอยากได้โรงสีชุมชน อบต. นายอำเภอ ก็จัดโครงการถนนไร้ฝุ่นไม่ไร้คอรัปชั่นไปให้ หรือที่ อำเภอ ก็จัดเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ13เครื่องไปตั้งในบ้านนายกท้องถิ่นให้ชาวบ้านเลิกซักผ้ามาหัดใช้บริการหยดเหรียญเครื่องซักผ้าให้ภรรยานายกเก็บเงินแทน เป็นต้น

สรุปว่าการเขียนโปรเจ็คแบบนี้ถ้าไม่ใช่สุดยอดสมองของคนคิดคนเขียนได้รวดเร็วทันใจ

ก็คงไม่แคล้วปัดฝุ่นโครงการเดิมที่ถูกตัดไปมาตัดต่อพันธุกรรมใหม่เพราะแว่วข่าวกรรมการพิจารณาบอกแล้วว่าอย่าปัดฝุ่นส่งมาโดนตัดแน่ๆ

บางแห่งจึงได้มีการตัดต่อในโครงการเดิมแก้ไขทั้งชื่อและไส้ในเปลี่ยนชื่อเปลี่ยนวัตถุประสงค์เดิมให้เข้าทางเพื่อฟื้นฟูเยียวยาโควิด

ง่ายนิดเดียวไม่ต้องใช้เวลาคิดมากแค่ตัดต่อปรับโครงการในคอมพิวเตอร์ 10 นาทีเสร็จ"

 

โดยในส่วนท้ายของโพสต์ดังกล่าว ส.ว.สมชาย แสวงการ ยังได้ฝากเรื่องดังกล่าวไปถึง กรรมการสำนักงบประมาณ อีกด้วยว่า

 

"ฝากให้กรรมการจากสำนักงบประมาณตรวจเทียบดูครับ

ฝากถึงนายลุงตู่และคณะกรรมการกลั่นกรองโครงการ พิจารณาดังนี้ครับ

1)ควรขยายเวลาการเสนอโครงการออกไป ให้เสนอได้ใหม่ทุกๆเดือนโดยมีเงื่อนไขที่ทุกโครงการต้องรับฟังความเห็นจากประชาชนที่สำคัญต้องเป็นการฟื้นฟูที่มีประสิทธิภาพได้ทั้งneedจากประชาชนและwantจากภาครัฐและอปท

2)โครงการที่เสนอเข้ามายังคณะกรรมการแล้วควรพิจารณาอย่างรอบคอบ และควรอนุมัติเท่ที่จำเป็นอย่าให้เกิดทุจริตเด็ดขาด

3)ตั้งกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิอีก4คน ที่น่าเชื่อถือได้แก่ตัวแทนจากภาคประชาสังคมหรือองค์การต่อต้านทุจริต จากภาควิชาการ จากตัวแทนสื่อมวลชนและจากตัวแทนภาคธุรกิจสภาหอการค้าหรือสภาอุตสาหกรรมหรือสภาsmesเข้าไปช่วยตรวจสอบ"

 

 

ที่มาจาก : เฟซบุ๊ก สมชาย แสวงการ

related