ทิพานัน ย้อน ปิยบุตร อ่านกฎหมายฉบับไหน ทำให้พรรคถูกยุบวอนเลิกโทษคนอื่น

น.ส.ทิพานัน ศิริชนะ อดีตผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขตจอมทอง-ธนบุรี อดีตรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงกรณีที่คณะก้าวหน้า โดยนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และนายปิยบุตร แสงกนกกุล แถลงข่าวกรณี กกต. มีมติให้ดำเนินคดีอาญากับอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ทั้ง 16 คน นั้น อยากถามว่านายปิตยบุตรตีความจากกฎหมายฉบับไหน อยากให้มองที่ตนเอง อย่าพึ่งโทษคนอื่น  เห็นได้ชัดว่านายปิยบุตรไม่มีความรู้ความเข้าใจในกฎหมายที่ประเทศไทยใช้อยู่ ว่าด้วยพรรคการเมืองเลย จึงให้คำแนะนำที่ผิดพลาดมาตลอดตั้งแต่เรื่องการให้พรรคอนาคตใหม่กู้เงิน การต่อสู้คดีในชั้นศาลรัฐธรรมนูญ ดังนั้นหาก นายธนาธรและอดีตกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ไม่อยากซ้ำรอย ควรปรึกษากฎหมายและแนวทางการต่อสู้คดีกับนักกฎหมายท่านอื่นที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญอย่างแท้จริงและไม่มีความคิดหลงตนเอง (narcissism) ทั้งนี้ก็เพื่อความ "ก้าวหน้า" ในชีวิตนายธนาธรเอง 

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า การที่นายปิยบุตรกล่าวหาขั้นตอนการทำงานของ กกต. ที่ทั้งฟ้องศาลรัฐธรรมนูญและฟ้องคดีอาญาโดย กกต. นำผลคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญมาฟ้องนั้น  ก็เป็นขั้นตอนที่ถูกต้องแล้วของ กกต. ที่ต้องทำตาม พรป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 อยู่แล้ว  มีกฎหมายกำหนดไว้ชัดเจนอยู่แล้ว  

การยื่นศาลรัฐธรรมนูญนั้น กกต. ทำตามบทบัญญัติมาตรา 92 วรรคหนึ่ง (3) ที่กำหนดว่า “เมื่อคณะกรรมการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองใดกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น (3) กระทำการฝ่าฝืน ... มาตรา 72” และมาตรา 72 บัญญัติว่า “ห้ามมิให้พรรคการเมืองและผู้ดำรงตำแหน่งในพรรคการเมืองรับบริจาคเงินทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใด โดยรู้หรือควรจะรู้ว่าได้มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือมีเหตุอันควรสงสัยว่ามีแหล่งที่มาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย”

น.ส. ทิพานัน กล่าวว่า จากที่ติดตามมานั้น ในส่วนการดำเนินคดีอาญาต่อนายธนาธรในฐานะให้กู้เงินผิดกฎหมายและคณะกรรมการบริหารพรรคในฐานะผู้รับเงินกู้ผิดกฎหมายนั้นเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย พรป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 มาตรา 124, 125 และ 126  ซึ่งตรงนี้พิจารณาจากข้อกฏหมายแล้วไม่ได้เป็นการดำเนินการซ้ำซ้อนเพื่อกลั่นแกล้งหรือเป็นไปตามบทอะไรเลย เป็นไปตามบทกฎหมายอย่างเดียวเท่านั้น   เช่นเดียวกับที่ กกต. ต้องฟ้องดำเนินคดีอาญาแก่ผู้สมัครรับเลือกตั้งทุกคนที่รู้ว่าตนเองไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรโดยคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 42 และมาตรา 151 พรป. ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 2561 ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการและถูกต้องตามหลักที่ว่า 

"จากการแถลงของนายปิยบุตรทำให้สงสัยว่า ผู้กำกับให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบนั้นอาจเป็นนายปิยบุตรเองหรือไม่ เพราะหนึ่งในถ้อยแถลงคือ การยุบพรรคอนาคตใหม่ เป็นหนึ่งในเหตุผลที่นักศึกษาและประชาชนชุมนุมตลอด 8 เดือนที่ผ่านมานี้  ดังนั้นการเคลื่อนไหวที่สุ่มเสี่ยงต่อการผิดกฎหมายมีใครกำกับอยู่หรือไม่  คล้ายเหมือนวางบทกำกับไว้แล้ว และสุดท้ายสังคมยังถามว่าใช่คนเดียวกับที่กำกับให้พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบหรือไม่?" น.ส ทิพานัน กล่าว