ทร. ยัน! ซื้อ “ฮาร์พูน บล็อค ทูว์” 828 ล้านบาท โปร่งใส

กองทัพเรือ ชี้แจง! การซื้ออาวุธปล่อยพื้น-สู่-พื้น “ฮาร์พูน บล็อค ทูว์” อยู่ในแพ็คเก็จอาวุธของเรือหลวงท่าจีน ยืนยัน! โปร่งใส เป็นไปตามวงรอบ ไม่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีและ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

วันที่ 14 ส.ค. 60 -- พล.ร.อ.จุมพล ลุมพิกานนท์ หัวหน้าคณะฝ่ายเสนาธิการประจำผู้บังคับบัญชา ในฐานะโฆษกกองทัพเรือ กล่าวถึงกรณีที่กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา ออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลไทยได้ยื่นความจำนงขอซื้อขีปนาวุธ “พื้น-สู่-พื้น ต่อต้านเรือผิวน้ำ” แบบ RGM-84L “ฮาร์พูน บล็อค ทูว์” จำนวน 5 ลูก และขีปนาวุธซ้อมยิง ฮาร์พูน บล็อค ทูว์ จำนวน 1 ลูก เพื่อติดตั้งบนเรือฟริเกต ว่า เรื่องนี้ต้องเป็นการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ตามโครงการต่อเรือฟริเกต ตั้งแต่ปี 2557 ที่ได้ลงนามข้อตกลงกับประเทศเกาหลีใต้ ในการต่อเรือหลวงท่าจีน โดยจะมีแพ็คเก็จต่อระบบเรือ ระบบเครื่องจักร เครื่องยนต์ ระบบการรบ อาวุธต่าง ๆ ก็จะมีกำหนดไว้แล้วว่า ดำเนินการเสร็จถึงไหน จะจัดซื้ออาวุธมาต่อเติมช่วงใด ซึ่งการซื้อฮาร์พูนก็เป็นอาวุธชนิดหนึ่งที่ถึงเวลาต้องจัดซื้อมาใช้

ดังนั้น ขอย้ำว่า การจัดซื้ออาวุธเป็นไปตามวงรอบในการดำเนินการตามวงเงิน และเป็นขั้นตอนทางธุรการเท่านั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งในความเป็นจริงการจัดซื้ออาวุธชนิดนี้อยู่ในแพ็คเก็จการต่อเรือหลวงท่าจีน และอยู่ในสัญญามาตั้งแต่ต้น เพียงแต่กระบวนการจัดหาอาวุธของสหรัฐฯ หากจะขายอาวุธใครต้องเป็นไปตามกฎหมายของสหรัฐฯ และต้องผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรส ก็ต้องเป็นไปตามขั้นตอนของเขาเท่านั้นเอง

ทั้งนี้ การซื้อ “ฮาร์พูน” ทางกองทัพเรือเคยจัดซื้อมาตั้งนานแล้ว โดยใช้ในเรือหลวงรัตนโกสินทร์ เรือหลวงสุโขทัย ซึ่งมีมาตลอดชุดนี้เป็นชุดที่ 3 ต่อไปก็จะมีชุดที่ 4 เอามาติดตั้งเพิ่มในเรือหลวงตรัง ดังนั้น ขอย้ำว่า การจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพเรือมีความโปร่งใสและเป็นไปตามวงรอบ หรือที่เรียกง่าย ๆ ว่า จัดซื้อเป็นแพ็คเก็จในการจัดหาตามช่วงเวลาเท่านั้นเอง

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 10 ส.ค. ที่ผ่านมา กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา แถลงการณ์ว่า เห็นชอบแผนเบื้องต้น สำหรับการขายขีปนาวุธ “ฮาร์พูน บล็อค ทูว์” รุ่น RGM-84L มูลค่า 24.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 828 ล้านบาท ตามที่รัฐบาลไทยร้องขอ