svasdssvasds

“วี ฟู้ดส์” พัฒนานวัตกรรม-ออนไลน์ ดัน “ซันคิสท์” เสริมเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

“วี ฟู้ดส์” พัฒนานวัตกรรม-ออนไลน์ ดัน “ซันคิสท์” เสริมเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่

ติดตามข่าวสารได้ที่ https://www.springnews.co.th

“อภิรักษ์ โกษะโยธิน” ประธานกรรมการบริหาร วีฟู้ดส์ กร๊ป ลุยต่อตลาดอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ใส่ใจในสุขภาพ เปิดตัว น้ำผลไม้ “ซันคิสท์ เฟรชชี่” รสชาติใหม่ “มิ้นต์ เลมอนเนด” บรรจุขวดขนาด 340 มล. ราคาขวดละ 20 บาท พร้อมเตรียมแผนตลาดออนไลน์กระตุ้นการรับรู้สู่ผู้บริโภค จัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดเต็มรูปแบบ ก่อนเพิ่มช่องทางจำหน่ายครอบคลุมทั้งร้านสะดวกซื้อและซูเปอร์มาร์เก็ตแบรนด์ดัง เพิ่มยอดขายบริษัทรวมเติบโตต่อเนื่อง ในปี 61 แนะผู้ประกอบการเร่งปรับตัว 4 ด้านรับตลาดฟื้นตัว 7-10% ใน 2-3 ปี

นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ประธานกรรมการบริหาร บริษัท วี ฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มภายใต้ 4 แบรนด์หลัก ได้แก่ กลุ่มข้าวโพดและอาหารคือ “วีคอร์น” และ “วีฟาร์ม” ในระดับประเทศ กลุ่มกาแฟพร้อมดื่ม “ดาว คอฟฟี่” ในระดับอาเซียนจากประเทศ สปป.ลาว และกลุ่มน้ำผลไม้พร้อมดื่ม “ซันคิสท์” (Sunkist) แบรนด์น้ำผลไม้คุณภาพระดับโลก จากรัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งทำตลาดมายาวนานถึง 125 ปี โดย “บริษัท ซันคิสท์ โกรว์เออร์ อินคอร์ปอเรชั่น” (Sunkist Grower Inc.) มอบลิขสิทธิ์ในการพัฒนาและจัดจำหน่ายในประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2560

ในปี 2560 สินค้าในกลุ่มข้าวโพด วี คอร์น เติบโตกว่า 35% และตั้งเป้าหมายว่าในปี 2561 จะเติบโตไม่น้อยกว่า 30% โดยสินค้าหลักของบริษัทฯ ยังคงเป็นข้าวโพดพร้อมรับประทาน คิดเป็นสัดส่วนรายได้ประมาณ 66% ของรายได้รวม เนื่องจากข้าวโพด วี คอร์น เป็นผู้นำตลาดในกลุ่มข้าวโพดพร้อมทาน แต่บริษัทฯ ยังคงให้ความสำคัญต่อการผลักดันสินค้ากลุ่มใหม่ๆ เข้าสู่ตลาด โดยเฉพาะน้ำผลไม้พร้อมดื่ม “ซันคิสท์ เฟรชชี่” (Sunkist Freshie) ซึ่งเริ่มทำตลาด 2 รสชาติคือรส “นาเวล ออเร้นจ์” และรส “บลัด ออเร้นจ์” มาตั้งแต่ปี 2560 นั้น ล่าสุดในวันที่ 4 เม.ย.61 จะมีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือรส “มิ้นต์ เลมอนเนด” บรรจุขวดขนาด 340 มล. ราคาขวดละ 20 บาท ในรสชาติเปรี้ยวสุดจี๊ดจากเลมอนและเย็นสุดขั้วจากคูลลิ่งมิ้นท์ สูตรน้ำตาลน้อยกว่า สอดรับเทรนด์ผู้บริโภคยุคใหม่ ซึ่งที่ได้รับการรับรองและพัฒนาจาก “Sunkist” ว่าเป็นรสชาติที่แปลกใหม่เพิ่มความสดชื่นและถูกใจผู้บริโภคเหมาะกับช่วงฤดูร้อน

“ซันคิสท์ยังให้ความสำคัญต่อการคืนกำไรให้สังคม ด้วยการจัดแคมเปญใหญ่ ทั้งการเข้าไปสนับสนุน ทุนการศึกษาและโจทย์ทางการตลาดจริงๆ ให้นักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ ในโครงการ Sunkist Freshie Creative Contest 2018 เพื่อให้นักศึกษาได้มีโอกาสได้ประกวดแผนการตลาดและการทำไวรัลคลิปซึ่งถือโจทย์ทางการตลาดที่สามารถนำมาใช้ได้จริง โดยจะมีการประกาศผลพร้อมมอบรางวัลผู้ชนะเลิศในวันเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่คือรสมิ้นต์ เลมอนเนด ในที่ 4 เม.ย.ศกนี้ ณ มหาวิทยาลัยกรุงเทพ วิทยาเขตรังสิต”

บริษัทฯ ยังจะเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายให้เพิ่มมากขึ้นจากเดิมที่มีการจำหน่ายเฉพาะร้านเซเว่น-อีเลฟเว่น โดยในไตรมาส 2/61 จะเริ่มมีขยายช่องทางผ่านร้านสะดวกซื้ออื่นๆ เช่น แฟมิลี่ มาร์ท, เทสโก้ โลตัส เอ็กซเพรส และลอว์สัน 108 ขณะเดียวกันยังจะเพิ่มช่องทางจำหน่ายในกลุ่มซูเปอร์มาเก็ต เช่น เดอะ มอลล์, ท็อปส์, วิลล่า มาร์เก็ต, แม็กซ์ แวลู เป็นต้น

ในช่วงเดือนเมษายน 2561 บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวแคมเปญการตลาดออนไลน์เพื่อกระตุ้นการรับรู้สู่ผู้บริโภคกลุ่มเป้าหมาย นักศึกษา คนทำงาน พร้อมปล่อยคลิปวีดีโอ 3 เวอร์ชั่น ในช่องทางออนไลน์ ทั้ง Youtbe Facebook หรือ LineTV ภายใต้แนวคิด “สดชื่นเต็มที่ ชีวิตไปได้อีก เติมความสดชื่น ปลุกแพชชั่นได้ทุกวัน ด้วยน้ำผลไม้ซันคิสท์” (Live Fresh with Passion) พร้อมจัดกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในสถานที่ต่างๆ ทั้งอาคารสำนักงาน และสถาบันการศึกษาต่างๆ ในเขตพื้นที่กรุงเทพฯ รวมทั้งจัดกิจกรรมช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั้งในกรุงเทพฯ และจังหวัดเชียงใหม่ รวมถึงจัดกิจกรรมด้านมิวสิกมาร์เก็ตติ้ง ที่จะตามมา

“บริษัทฯ ยังได้สนับสนุนการร่วมพัฒนาแหล่งชุมชน ด้วยงบประมาณเข้าไปร่วมฟื้นฟูและพัฒนาแหล่งชุมชนคลองเตย กรุงเทพฯ ในการสร้างสนามฟุตบอลและสนามบาสเกตบอล พร้อมออกแบบกราฟิตี้เพื่อสร้างชุมชนให้น่าอยู่ เพื่อให้เยาวชนได้มีโอกาสเข้าถึงกีฬาและศิลปะ โดยคาดว่าจะเปิดตัวได้ภายในเดือน พ.ค.ศกนี้”

นายอภิรักษ์ กล่าวด้วยว่า แนวโน้มตลาดอาหารและเครื่องดื่มในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาอยู่ในช่วงชะลอตัว โดยเฉพาะในกลุ่มเครื่องดื่มเนื่องจากปัจจัยทางเศรษฐกิจและผู้บริโภค ดังจะเห็นได้จากข้อมูลของ บริษัท เอซี นีลเส็น (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ให้บริการข้อมูลทางการตลาดชั้นนำของโลก ณ สิ้นเดือน มกราคม 2561 พบว่า ในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมาภาพรวมของตลาดเครื่องดื่มในประเทศไทยเติบโตติดลบประมาณ -3.8% สาเหตุหลักมาจากผู้ประกอบการมีการปรับราคาสูงขึ้นจากนโยบายการปรับภาษีสรรพสามิตน้ำตาลของรัฐบาล จนส่งผลกระทบต่อการบริโภค โดยเฉพาะ น้ำผลไม้และชาพร้อมดื่ม ซึ่งตลาดติดลบค่อนข้างมาก ส่วนภาพรวมของตลาดอาหารยังคงเติบโตอยู่ในระดับทรงตัว

“ในส่วนของสินค้ากลุ่มสุขภาพที่เป็นทางเลือกใหม่ๆ ยังอยู่ในเกณฑ์เติบโตที่ดีอันเนื่องมาจากไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภคยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น โดยคาดว่าตลาดจะเริ่มมีทิศทางบวกมากขึ้นภายในช่วง 2-3 ปีนับจากนี้ ตามความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่กำลังเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ดังจะเห็นได้จากตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพซึ่งมีอัตราเติบโตปีละประมาณ 7-10%”

นายอภิรักษ์ กล่าวอีกว่า ผู้ประกอบการธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มจำเป็นต้องปรับตัวให้สอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะใน 4 ด้านหลัก ได้แก่ นวัตกรรมสินค้าที่ต้องแปลกใหม่เพื่อตอบสนองความต้องการผู้บริโภคยุคใหม่ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ (Innovation) ทั้งยังต้องอำนวยความสะดวกสบายให้ผู้บริโภคในการเข้าถึงและหาซื้อง่าย (Convenient) ขณะเดียวกันคุณภาพและคุณประโยชน์ของสินค้าต้องตอบโจทย์การใช้ชีวิตประจำวันแต่ไม่ทำร้ายสุขภาพ (Health Concern, Not Healthy Conscious) โดยแบรนด์ที่เข้าถึงผู้บริโภคจะสามารถเจาะตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่ได้ง่ายขึ้น (Relevant)

ทั้งนี้ บริษัทฯ ให้ความสำคัญต่อการเป็นองค์กรที่เน้นนวัตกรรมใหม่ๆ ในการพัฒนาสินค้าอาหารและเครื่องดื่ม โดยจัดตั้ง V Foods LAB ร่วมกับสถาบันการศึกษาและสถาบันวิจัยและพัฒนาชั้นนำ อาทิ FoodInnopolis ของ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) คณะเทคโนโลยีอาหาร มหาวิทยาลัยรังสิต คณะอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และการร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจอีกหลายแห่ง รวมถึงการสร้างทีมงานรุ่นใหม่ขึ้นมาให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงของโลกธุรกิจยุคใหม่

related