นักวิเคราะห์ชี้ จีน กำลังจะเจ็บตัว จากมาตรการรีดภาษีสินค้า สหรัฐฯ

นักวิเคราะห์ชี้ จีน กำลังจะเจ็บตัวจากการขึ้นภาษีสินค้า สหรัฐฯ

เมื่อเดือนสิงหาคม ที่ผ่านมา จีน ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าถั่วเหลือง จากสหรัฐฯ ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน  ขณะที่ผู้ผลิตถั่วเหลือง ในสหรัฐฯ กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก จากที่เคยส่งออกไปจีนรวมมูลค่าถึง 12,000 ล้านดอลลาร์ ต่อปี แต่การขึ้นภาษีครั้งนี้ ก็กระทบผู้บริโภคชาวจีน อย่างหนักเช่นกัน

ประเทศจีน เป็นประเทศที่ซื้อถั่วเหลืองมากที่สุดในโลก เพื่อใช้ในการปศุสัตว์ เช่นใช้เลี้ยงหมู และไก่ ซึ่งถั่วเหลืองถึง 1 ใน 3 ที่ใช้นั้นนำเข้ามาจากสหรัฐฯ การขึ้นภาษีนำเข้าครั้งนี้ จึงกำลังทำให้ต้นทุนการเกษตรเพิ่มสูงขึ้น และอาจมีการนำเข้าน้อยลง และจะส่งผลให้เกิดการขาดแคลนถั่วเหลือง ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ถ้าจีน และสหรัฐฯ ไม่แก้ไขความขัดแย้งโดยเร็ว

แม้ว่า ผู้นำเข้าของจีน จะพยายามพึ่งพาถั่วเหลือง จากแหล่งอื่น อย่างเช่นบราซิล และอาร์เจนตินา แต่กำลังผลิตเหล่านี้ ก็ยังไม่สามารถทดแทนสัดส่วน ที่นำเข้าจากสหรัฐฯ แม้บราซิล จะพยายามเพิ่มกำลังการผลิต แต่ดูเหมือนว่า จะยังไม่เพียงพอ ต่อความต้องการ จนส่งผลกระทบให้ราคาถั่วเหลือง จากประเทศบราซิลสูงขึ้น และราคาถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ ตกต่ำลง

นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ หากตัดสหรัฐฯออกจากสมการอุปทานถั่วเหลือง กำลังผลิตทั้งโลก ก็ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของจีน ขณะที่เกษตรกรจีน ก็เร่งการผลิตถั่วเหลืองเอง แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแก้ปัญหาได้เร็วๆนี้

สุดท้าย บริษัทนำเข้าของจีน จะไม่มีทางเลือก และต้องกลับไปนำเข้าถั่วเหลืองจากสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งนี่จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจีน เมื่อค่าอาหารปศุสัตว์สูงขึ้น ส่งผลให้ราคาเนื้อหมู ก็จะแพงขึ้น และจะกระทบไปถึงอัตราเงินเฟ้อ ที่จะเพิ่มขึ้น และแน่นอน ดันค่าครองชีพให้สูงขึ้น