"อัจฉริยะ" เผยวันเกิดเหตุสาวเหยื่อน้ำกรด ไม่มีหมออยู่เวร

นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ไลฟ์ผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กชมรมฯ โดยมีข้อความระบุว่า "ปิดบัญชีโรงพยาบาลพระราม 2" ก่อนจะเล่าลำดับเหตุการณ์ในช่วงวันเกิดเหตุอย่างละเอียด หลังจากร่วมสอบสวนผู้เกี่ยวข้อง

 โดยหนึ่งในนั้นมีแท็กซี่คันแรกที่รับ น.ส.ช่อลัดดา ทาระวัน ที่ถูกสามีสาดน้ำกรด พร้อมลูกสาวขึ้นรถ โดยคนขับแท็กซี่คันแรก เล่าว่า เจอทั้งคู่ในช่วงเวลาประมาณ 05.00 น. บอกว่าปวดแสบปวดร้อนขอให้ไปส่งที่ โรงพยาบาลบางมด แต่คนขับเห็นอาการไม่ดีจึงไปส่งโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดคือ โรงพยาบาลพระราม 2 แต่เมื่อไปถึงกลับไม่มีเจ้าหน้าที่อยู่ด้านหน้าเลย ขณะนั้นทั้งคู่ลงจากรถก็รีบเข้าไปหาเจ้าหน้าที่ จึงตัดสินใจตามขึ้นไปดูก็ไม่พบใคร มีเพียงเจ้าหน้าที่ผู้หญิงที่เคาน์เตอร์กับแม่บ้านอีกคน ช่วงเวลานั้นเห็นคนในห้องฉุกเฉินเป็นผู้ชาย 4 คน ยืนยันว่าไม่มีหมอ ถ้าเจอหมอคงช่วยยื้อชีวิตไว้ได้

 ซึ่งวันนี้นายอัจฉริยะ จะไปยื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการเขตบางขุนเทียน และเขตบางบอน เพื่อให้ตรวจสอบอาคารของ รพ.พระราม 2 และอาคารในเครือ ว่ามีการก่อสร้างอาคารตรงตามแบบหรือไม่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนที่ต้องใช้บริการ

 ส่วนความคืบหน้าล่าสุดเมื่อวานนี้ นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข ได้ออกมาเปิดเผยถึงกรณี การตรวจสอบข้อร้องเรียนกรณีโรงพยาบาลพระราม 2 ได้ข้อสรุปว่ามีการกระทำผิดบางเรื่องที่มีอัตราโทษค่อนข้างสูง ซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นเรื่องอะไร และขณะนี้ได้ข้อมูลจากโรงพยาบาลแห่งที่สองมาแล้ว โดยจะส่งข้อมูลทั้งหมดให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงอีกครั้ง ก่อนสรุปผลส่งให้พนักงานสอบสวนต่อไป

 ส่วนเรื่องของมาตรฐานสถานพยาบาลนั้นเป็นอีกเรื่อง ซึ่งขณะนี้ได้ส่งเจ้าหน้าที่อีก 1 ชุดลงไปสอบสวนอยู่ว่าสถานพยาบาลเป็นไปตามมาตรฐานหรือไม่ โดยจะดูทั้งเรื่องของเครื่องมือ เรื่องการส่งต่อ ต่างๆ หากพบว่าไม่เป็นไปตามมาตรฐานทาง สบส.ต้องสั่งให้ปรับปรุงแก้ไขภายในเวลาที่กำหนดแต่ถ้าไม่แก้ไข ก็จะลงโทษเช่นพักใช้ใบอนุญาต จนถึงขั้นเพิกถอนใบอนุญาตเปิดสถานพยาบาล ทั้งนี้เรื่องดังกล่าวคงใช้เวลาไม่น่าน คาดว่าภายในสัปดาห์นี้น่าจะสรุปความคืบหน้าได้