สบส.ยัน! "รพ.มงกุฎวัฒนะ" ไม่ได้ปฏิเสธรักษาผู้ป่วยไฟไหม้ทั้งตัว

จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อโซเชียล ว่ามีสถานพยาบาลแห่งนึ่ง ปฏิเสธที่จะให้การรักษาพยาบาลผู้บาดเจ็บจากสารเคมีระเบิดซึ่งมีแผลไฟไหม้ทั่วร่างกว่าร้อยละ 90 โดยที่ผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นผู้มีสิทธิประกันสังคมของสถานพยาบาลนั้น

วันนี้ (11 ธันวาคม 2561) ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น โฮเทล เขตหลักสี่ นายแพทย์ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดีกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข (กรม สบส.)กระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้ากรณีดังกล่าวว่า เมื่อได้ทราบถึงข้อมูล ตนก็มิได้นิ่งนอนใจจึงได้สั่งการพนักงานเจ้าหน้าที่ของกรม สบส.ลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงทันที ซึ่งจากการรวบรวมข้อมูลจากโรงพยาบาลและญาติของผู้บาดเจ็บ พบว่าผู้ได้รับบาดเจ็บประสบเหตุสารเคมีระเบิดระหว่างการทำงาน ผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์จึงส่งตัวผู้บาดเจ็บเข้ารักษาอาการที่โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอสที่อยู่ใกล้เคียง โดยโรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอสได้มีการประสานงานส่งตัวผู้บาดเจ็บไปยังโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคมของผู้บาดเจ็บ แต่เนื่องจากผู้บาดเจ็บมีบาดแผลไหม้จากสารเคมี กว่าร้อยละ 95 ของร่างกายจำเป็นต้องส่งต่อสถานพยาบาลที่มีขีดความสามารถในการรักษาบาดแผลไหม้ในระดับสูง ซึ่งเกินศักยภาพของโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ

ดังนั้น จึงได้มีการประสานส่งต่อผู้บาดเจ็บไปรักษายังสถานพยาบาลอื่นที่มีความพร้อมในการดูแลผู้บาดเจ็บจากสารเคมีระเบิด โดยญาติได้แสดงความจำนงที่จะส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บเข้ารักษาพยาบาลที่โรงพยาบาลกรุงเทพ ซึ่งการบาดเจ็บในกรณีดังกล่าวเกิดจากการทำงานให้นายจ้างจึงสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาลจากกองทุนเงินทดแทนได้ โดยไม่จำเป็นต้องรักษากับโรงพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม รวมทั้ง โรงพยาบาลกรุงสยามเซนต์คาร์ลอส และโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะก็ได้ให้ความร่วมมือในการประสานและส่งตัวผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นอย่างดี ตามมาตรฐานที่กฎหมายสถานพยาบาลกำหนด จึงไม่ถือว่าเป็นการปฏิเสธการรักษาแต่อย่างใด

ทั้งนี้ ในกรณี ที่ลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการทำงาน สามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลในสถานพยาบาลใดก็ได้ โดยไม่ต้องเป็นสถานพยาบาลตามสิทธิประกันสังคม เนื่องด้วย เมื่อนายจ้างขึ้นทะเบียนกองทุนเงินทดแทนแล้ว ลูกจ้างทุกคนที่ทำงานให้กับนายจ้างจะได้รับการคุ้มครองจากกองทุนเงินทดแทนทันที หากประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจากการทำงาน ลูกจ้างสามารถเบิกจ่ายค่ารักษาพยาบาล และวัตถุที่ทำหน้าที่แทนอวัยวะในวงเงินไม่เกิน 2,000,000 บาท รวมทั้ง สามารถเบิกจ่ายค่าทดแทนรายเดือน ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน หรือค่าทำศพจากกองทุนเงินทดแทนได้อีกด้วย