svasdssvasds

ศาลฯสั่ง เจ้าของ 'เจ้านมเย็น' เป็นบุคคลสิ้นศักยภาพการเลี้ยงดูสัตว์

ศาลฯสั่ง เจ้าของ 'เจ้านมเย็น' เป็นบุคคลสิ้นศักยภาพการเลี้ยงดูสัตว์

ศาลแขวงจังหวัดชลบุรีมีคำพิพากษา ปรับ 10,000 บาท จำคุก 6 เดือนรอลงอาญา 2 ปี และให้สิ้นศักยภาพการเลี้ยงดูสัตว์ กับเจ้าของ 'เจ้านมเย็น' หลังสั่งสอนด้วยการ จับหัวกดน้ำรองเท้าตีปาก และทุ่มถุงปุ๋ยใส่นับครั้งไม่ถ้วน

วันที่ 7 พ.ค. 63 เพจเฟซบุ๊ก มูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ Watchdog Thailand - WDT ได้ออกมาโพสต์ถึงความคืบหน้า เจ้านมเย็น กรณีสุนัขถูกเจ้าของสั่งสอน ด้วยการจับหัวกดน้ำรองเท้าตีปาก และทุ่มถุงปุ๋ยใส่นับครั้งไม่ถ้วน ทั้งนี้โพสต์ดังกล่าวระบุไว้ว่า

ผลพิพากษาคดีเจ้าของสั่งสอน "นมเย็น" จับหัวกดน้ำรองเท้าตีปาก และทุ่มถุงปุ๋ยใส่นับครั้งไม่ถ้วน #ชลบุรี

ศาลแขวงจังหวัดชลบุรีมีคำพิพากษา ปรับ 10,000 บาท จำคุก 6 เดือนรอลงอาญา2 ปี และให้สิ้นสภาพการเลี้ยงดูสัตว์ !

วันนี้ "นมเย็น" เป็นตัวแทนของสัตว์ที่น่าสงสารทุกชีวิตที่ถูกทารุณกรรมได้รับความยุติธรรมแล้ว

WDTได้พยายามต่อสู้เพื่อหนูจนถึงที่สุดแล้ว เพราะความหวังเพียงหนึ่งของมูลนิธิที่ทำงานเคสนมเย็นมา คือหวังว่าศาลจะเมตตาและสั่งให้เจ้าของสิ้นศักยภาพในการเลี้ยงสัตว์อีกต่อไป

คือหนึ่งเดียวสุดท้าย ที่มูลนิธิมุ่งหวังและร้องขอให้เกิดขึ้น เพื่อดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมต่อสิทธิสัตว์และสวัสดิภาพของสัตว์ อันเป็นไปวัตถุประสงค์ของกฎหมายป้องกันการทารุณกรรมฯ

"นมเย็น" จะกลับมาอยู่ในการดูแลของมูลนิธิที่เกี่ยวข้องและกรมปศุสัตว์

ลำดับผลการทำงานและการดำเนินคดี

7 นาที หลังปรากฏการโพสต์คลิปวิดิโอ ที่เพื่อนเจ้าของหมาบอกว่าโพสต์เล่นเพื่อความตลกขบขัน

5 พฤษภาคม 2563 เวลา 19.30 น.เจ้าหน้าที่มูลนิธิประสานเจ้าของโพสต์เพื่อชี้แจงว่านี่คือการกระทำผิดทารุณกรรมสัตว์อย่างมหันต์ที่เป็นความผิดสำเร็จแล้ว

สร้างความสะเทือนใจและความตื่นตระหนกให้กับสังคมคนรักสัตว์อย่างมหาศาล

วิธีแก้ไขคือมูลนิธิจะเข้าขอรับน้องหมามาดูแลและพาเจ้าของเข้ามอบตัว ข้อหาทารุณกรรมสัตว์ที่สถานีตำรวจท้องที่ในวันรุ่งขึ้น

ศาลฯสั่ง เจ้าของ 'เจ้านมเย็น' เป็นบุคคลสิ้นศักยภาพการเลี้ยงดูสัตว์

…จึงนัดหมายกันดิบดีที่บ้านเจ้าของ

แต่พลัน…ทั้งๆที่เจ้าหน้าที่มูลนิธิกำลังปฎิบัติหน้าที่หัวโด่อยู่ในพื้นที่ เจ้าของกลับเอาแต่รับและพูดโทรศัพท์จากหน่วยงานหนึ่งที่แทรกแซงและโทรมาให้กำลังใจเจ้าของ ขอรับดูแลรักษาหมา และห้ามไม่ให้เจ้าของเซ็นส่งมอบหมาให้ WDT รับไปดูแลระหว่างการดำเนินคดี อ้างว่า…เพราะไม่อยากให้หมาต้องถูกพรากจากเจ้าของและมีวิธีอื่นๆอีกมากมายที่จะแก้ไขเรื่องนี้ อาทิ การโพสต์ไลฟ์สดขอโทษและยอมรับผิดต่อประชาชนคนรักสัตว์ทั่วประเทศ

แล้วในที่สุดเจ้าของก็ไม่ส่งมอบหมาให้มูลนิธิ แต่ยืนยันว่าจะมอบให้หน่วยงานนั้น…เท่านั้น !

แต่เจ้าของไม่มีสิทธิ์เลือกครับ ! เพราะเจ้าของคือผู้ต้องหาทารุณกรรมสัตว์และสัตว์ที่ถูกทารุณกรรมจะต้องถูกตรวจยึดเป็นของกลางในระหว่างการดำเนินคดี

6 พฤษภาคม 2563 มูลนิธิเข้าความร้องทุกข์กล่าวโทษที่ สภ.แสนสุข เพื่อมอบอำนาจให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับเจ้าของข้อหาทารุณกรรมสัตว์ตามหลักฐานคลิปและประสาน ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี และ ผกก.สภ.แสนสุข กำกับดูแลให้พนักงานสอบสวนประกอบสำนวนร้องขอต่อศาล ใช้ดุลยพินิจให้เจ้าของสิ้นศักยภาพในการเลี้ยงดูสัตว์ตลอดไป

และในเช้าวันเดียวกัน มูลนิธิประสานผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี มอบหมายนายอำเภอเข้าดูแล และประสานงานกับมูลนิธิในการดูแลคดี พร้อมประสานการตรวจยึดตามอำนาจหน้าที่ของเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์

นายอำเภอมอบหมายปลัดอำเภอแต่ปลัดอ้างกับมูลนิธิว่า จะขอเข้าไปตรวจสอบที่บ้านเจ้าของด้วยตนเองก่อน

WDT จึงได้แต่เฝ้ารอคอย… ตกบ่าย ผู้สื่อข่าวที่เฝ้ารอความคืบหน้าและรอคอยที่จะได้พบนมเย็น เพราะไม่มีใครรู้แม้แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจว่า…หมาอยู่ไหน ?

ได้แจ้งมาที่มูลนิธิว่า เหตุใด บรรดาปลัดอำเภอและหน่วยงานที่โทรมาคุยกับเจ้าของ จึงไปอยู่รวมกันในห้องทำงาน ผู้กำกับ สภ.แสนสุข

ผู้กำกับ สภ.แสนสุข แจ้งว่า มีคนพยายามจะมาแจ้งความ ผู้กำกับจึงต้องบอกหน่วยงานนั้นว่า WDTเขามาแจ้งความไว้แล้วไม่จำเป็นต้องมาแจ้งซ้ำซ้อนอีก

เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถออกเอกสารตรวจยึดสัตว์ได้ด้วยตนเอง ตามประมวลกฎหมายอาญา ในเมื่อปศุสัตว์ไม่ทำ พนักงานสอบสวนจึงทำการตรวจยึดสัตว์โดยนายอำเภอประสานเรียกให้ปศุสัตว์มา "ร่วม"เซ็นเอกสารการตรวจยึดสัตว์จนได้

"นมเย็น" จึงตกเป็นสัตว์ของกลางที่ถูกทารุณกรรมเรียบร้อยแล้วตามกฏหมายและโดยที่ตำรวจไม่มีสถานที่ดูแลของกลาง ปศุสัตว์ก็ไม่มี จึงเป็นอำนาจของปศุสัตว์ที่จะฝากให้ผู้เกี่ยวข้องดูแล ซึ่งผู้ว่าฯได้สั่งการให้ปศุสัตว์จังหวัดนำนมเย็น มาส่งมอบให้อยู่ในการดูแลของ WDT ซึ่งเป็นมูลนิธิที่เกี่ยวข้องและทำงานมาตั้งแต่แรก และเตรียมบ้านพักพิงสำหรับดูแลน้องหมาของกลางที่อยู่ในระหว่างการดำเนินคดีไว้ให้เรียบร้อยแล้ว

แต่…ปศุสัตว์ชลบุรีกลับปล่อยให้เกิดเหตุการณ์ "หมาปลิว" โดยเจตนาส่งมอบให้อีกหน่วยงานที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรเลยกับการทำงานและการดำเนินคดีในเคสนี้นำไปดูแล !

น่าสงสารผู้ว่าและนายอำเภอ ที่อุตส่าห์มอบหมายสั่งการและหวังอย่างยิ่งว่า จะมีการปฎิบัติหน้าที่ของหน่วยงานราชการด้วยความชอบธรรม

แต่ก็ไม่เป็นไร… เพราะวัตถุประสงค์ของ WDT ในการช่วยเหลือสัตว์และแยกสัตว์ออกจากเจ้าของที่ทารุณกรรมหมาของตนเอง…ถือว่าประสบผลสำเร็จแล้ว

เอกสารการส่งมอบกรรมสิทธิ์ "นมเย็น"…ไม่ว่าจะมีการจัดทำขึ้นก่อนหน้าหรือย้อนหลัง แล้วนำมาโชว์ให้ประชาชนเห็นถึงความพยายามอยากได้หมานักหนา…จึงนับเป็นโมฆะทั้งสิ้น

ศาลฯสั่ง เจ้าของ 'เจ้านมเย็น' เป็นบุคคลสิ้นศักยภาพการเลี้ยงดูสัตว์

หน้าที่ของ WDT ที่เหลืออีกเพียงหนึ่งเดียวตามวัตถุประสงค์สูงสุดซึ่งเป็นเป้าหมายและอุดมการณ์ในการทำงานของมูลนิธิ ก็คือ การประกอบมาตรา 33 ลงไปในสำนวนส่งฟ้องต่อศาล ร้องขอให้เจ้าของสิ้นศักยภาพในการดูแลสัตว์ตลอดไป ซึ่งหมายรวมถึง…สัตว์ทุกชีวิตที่อยู่ในการครอบครองของเจ้าของ

ผู้ตกเป็นผู้ต้องหาทารุณกรรมนสัตว์เลี้ยงของตนเอง

7 พฤษภาคม 2563 พนักงานสอบสวน สภ.แสนสุข จึงต้องเรียกตัวผู้ต้องหาเจ้าของนมเย็น มาสอบปากคำเพิ่มเติม เกี่ยวกับ สถานที่ ความสามารถ ในการเลี้ยงดูสัตว์และจำนวนสัตว์ที่อยู่ในครอบครอง โดยพิจารณาจากการดูแลสวัสดิภาพสัตว์ที่ถูกต้องเหมาะสมตามกฏหมายป้องกันการทารุณกรรม

เพื่อเตรียมร่างสำนวนฟ้องและแจ้งข้อกล่าวหาให้เสร็จสิ้น และส่งฟ้องศาลหลังผู้ต้องหาเซ็นรับทราบข้อกล่าวหาภายใน 48 ชั่วโมง ตามหลักการของคดีที่ต้องขึ้นศาลแขวง

วันนี้ "นมเย็น" เป็นตัวแทนของสัตว์ที่น่าสงสารทุกชีวิตที่ถูกทารุณกรรมได้รับความยุติธรรมแล้ว

WDTได้พยายามต่อสู้เพื่อหนูจนถึงที่สุดแล้ว เพราะความหวังเพียงหนึ่งของมูลนิธิที่ทำงานเคสนมเย็นมา คือหวังว่าศาลจะเมตตาและสั่งให้เจ้าของสิ้นศักยภาพในการเลี้ยงสัตว์อีกต่อไป

คือหนึ่งเดียวสุดท้าย ที่มูลนิธิมุ่งหวังและร้องขอให้เกิดขึ้น เพื่อดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรมต่อสิทธิสัตว์และสวัสดิภาพของสัตว์ อันเป็นไปวัตถุประสงค์ของกฎหมายป้องกันการทารุณกรรมฯ

related