svasdssvasds

หมอจุฬาฯ เตือน! อย่าให้โควิดระบาดแบบชาติอื่น

หมอจุฬาฯ เตือน! อย่าให้โควิดระบาดแบบชาติอื่น

หมอธีระ เตือนอย่าให้โควิดระบาดหนักตามทั่วโลก และอย่าปล่อยกิเลสบังตา

รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์เฟสบุ๊ค ระบุว่า 15 ล้านไปแล้วครับ สถานการณ์COVID-19 ทั่วโลกมีการติดเชื้อไปเพิ่มอีก 244,205 คน ยอดรวม 15,050,613 คน ตายไปเพิ่มอีก 5,945 คน รวม 617,771 คนอเมริกา ทะลุ 4 ล้านไปพร้อมกันกับที่ทั่วโลกทะลุ 15 ล้านครับ ติดเชื้อเพิ่ม 68,644 คน รวมแล้ว 4,019,684 คน บราซิล ติดเพิ่ม 41,190 คน รวม 2,159,654 คน อินเดีย ติดเพิ่ม 39,168 คน รวม 1,194,085 คน รัสเซีย ติดเพิ่ม 5,842 คน รวม 783,328 คน เปรู สเปน อิหร่าน ปากีสถาน อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ก็ยังคงติดกันหลักพัน กลุ่มประเทศยุโรปอื่นๆ รวมถึง สิงคโปร์ ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย ล้วนติดกันหลักร้อยอย่างต่อเนื่อง เกาหลีใต้ จีน มาเลเซีย ติดกันหลักสิบเช่นเดิม

ไว้อาลัยกับการสื่อสารสาธารณะแบบพลิกลิ้น สื่อสารวันก่อน คนรับฟังคงได้ฟีลลิ่งเดียวกันว่า ให้คนไทยเตรียมตัวเตรียมใจไว้ว่าเดี๋ยวจะยอมให้มีการติดเชื้อเพิ่มวันละ 30-50 คน แถมยกตัวอย่างเพื่อนบ้านที่มีติดเชื้อกันอย่างต่อเนื่องทุกวัน ทำนองว่ากรูจะเลียนแบบเค้า เพราะระบบสาธารณสุขเอาอยู่ ที่สื่อสารมาน่ะ ถามจริงๆ เหอะ มีโอกาสตรวจผู้ป่วยที่ติดเชื้อหรือมีโอกาสติดเชื้อบ้างไหม?

 

ถามคนหน้าด่าน บุคลากรทางการแพทย์ในโรงพยาบาลต่างๆ รวมถึงคนทำงานด้านการควบคุมป้องกันโรคในพื้นที่ต่างๆ ทำงานกันไม่ได้หลับไม่ได้นอน ระลอกแรกหลายคนก็ไม่ได้กลับบ้านนานเป็นเดือนๆ เพราะกลัวนำพาเชื้อไปติดที่บ้าน ถามเขาบ้างไหม ว่าเค้าเออออห่อหมกกับความคิดอุบาทว์แบบนั้น

 

การติดเชื้อไม่เท่ากับการระบาด เล่นกับคำสองคำ เพื่ออวดศักยภาพว่าถ้าจำนวนติดเชื้อเท่านี้ จะควบคุมการระบาดได้ บอกตรงๆ ว่า "ไม่เชื่อน้ำยาครับ" ระลอกแรก สอนให้เราเห็นบทเรียนอันเจ็บปวด ตั้งแต่มกราคมถึงมีนาคม จำกันได้ไหมว่าติดเชื้อหลักหน่วยและหลักสิบ แล้วมันเกิดอะไรขึ้น?

เหตุใดจึงระบาดหนักวันละ 33% ในระยะเวลาต่อมา? คำตอบมาจากกิเลสการเมือง ที่มุ่งเอาเงินมากกว่าความปลอดภัย เราจึงเห็นได้ว่า ไม่มีการปิดกั้นนักท่องเที่ยวต่างชาติ มีการเชียร์แข่งรถ มีปรากฏการณ์หวัดธรรมดา จนมาหนักหนาสาหัสซ้ำเติมด้วยการกระทำบ้าๆ อย่างหน้ากากล่องหน หักหัวคิวโรงแรม ยาเสพติดรักษาสารพัดโรคไม่เว้นโควิด สู้กันมาแทบตาย กว่า 4 เดือนนับตั้งแต่กลางมีนาคมเป็นต้นมา จะให้มาล้มคะมำ กลับไปสู่วิกฤติแบบเดิมด้วยนโยบายกิเลสบังตา ไม่ว่าจะฟองสบู่ท่องเที่ยวในหลากหลายรูปแบบ แถมมาพลิกลิ้นจะกล่อมให้คนยอมรับให้ติดเชื้อในประเทศ 30-50 คนต่อวันแบบนี้ ละอายใจและเกรงกลัวต่อบาปบ้างไหม?

 

ส่วนตัวแล้วผมคิดว่าหากรัฐดำเนินการตามที่ "คนหรือกลุ่มบุคคล"เหล่านั้นคิดและสื่อสารออกมา เราคงต้องช่วยกันเรียกร้องให้เปิดหน้าออกมาให้เห็นชัดๆ กันทุกคน ส่วนพวกเราเอง ในฐานะ"เบี้ย" คงทำได้เพียงป้องกันตัวและครอบครัวอย่างเต็มที่

 

รัฐ...ขอร้องเถิดครับ มีจิตสำนึก หิริโอตตัปปะ และน้อมรับปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาใช้ ถ้าหากเหล่าท่านๆ ไม่คิดที่จะกระทำการดังที่กล่าวมาข้างต้น คงต้องเปลี่ยนคนสื่อสาร หรือออกมาแก้ไขสิ่งที่กระทำไป เพื่อให้คนไทยได้มีแรงใจที่จะสู้กับสงครามนี้ได้ในระยะยาว อย่าให้ประเทศเราเดินตามรอยประเทศอื่นที่แพ้ และรับกับสภาพดงโรคในระยะยาว ส่วนตัวแล้ว...ผมไม่ยอมเด็ดขาดครับ

 

ประเทศไทยต้องทำได้

 

ด้วยรักต่อทุกคน

 

related