เจ้าหน้าที่เปลพลาด ทำสาวท้องแก่ป่วยไข้เลือดออก ตกเตียงสมองบวมแท้งลูก

จากกรณีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์เรื่องราว ระบุว่าภรรยาสาว อายุครรภ์ 8 เดือน ป่วยเป็นไข้เลือดออก อาหารหนักไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเเห่งหนึ่ง เเต่โรงพยาบาลไม่สามารถรักษาได้ จึงส่งไปที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ

ระหว่างการเคลื่อนย้าย เจ้าหน้าที่เวรเปลได้เข็นเตียงแต่ล้อไม่กาง ทำให้หญิงที่ตั้งครรภ์ตกจากเตียง หลังจากนั้นก็ไม่มีการตรวจเช็กอะไร ซึ่งเมื่อผ่าคลอดปรากฏว่าทารกแฝด 1 คนเสียชีวิต ส่วนผู้เป็นแม่ก็อาการยังไม่ดีขึ้น สมองบวม ต้องผ่าตัดเปลี่ยนตับ

ล่าสุดวันนี้ 8 ก.ย. ทีมข่าวห้องสืบสวน ได้ติดต่อสอบถามนายยอด สามีของคนเจ็บซึ่งเล่าว่า ภรรยาอายุ 28 ปี มีอายุครรภ์ 8 เดือน เมื่อวันที่ 24 ส.ค.2563 ที่ผ่านมาเริ่มมีอาการไข้ขึ้นสูง จึงได้เดินทางไปโรงพยาบาลในจังหวัดลพบุรีทำการตรวจและรับยามาทานต่อที่บ้าน ต่อมาทางโรงพยาบาลแจ้งว่าภรรยาเป็นไข้เลือดออก

หลังจากนั้นมีการพูดคุยว่าต้องมีการส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลในกรุงเทพเพราะไม่สามารถรักษาตัวที่โรงพยาบาลต้นสังกัด จ.ลพบุรีได้ ซึ่งขณะที่มีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยบริเวณหน้าห้องฉุกเฉิน พนักงานเข็นเปลนอนได้เข็นภรรยาลงจากรถ ขณะนั้นล้อของรถเข็นเปลนอนยังไม่กาง ทำให้ภรรยาร่วงลงไปนอนและกระแทกพื้นอย่างแรง

ต่อมาวันที่ 27 ส.ค.63 หลังจากโรงพยาบาลที่จ.ลพบุรี ส่งตัวให้กับโรงพยาบาลในกรุงเทพ หมอได้มีการตรวจร่างกายและขออนุญาตผ่าตัดคลอดก่อนกำหนดเนื่องจากครรถ์มีอาการผิดปกติ ทำให้ครอบครัวเสียลูกสาวในครรถ์ไป 1 คนส่วนอีก 1 คนต้องอยู่ในห้องปลอดเชื้อ

ด้านภรรยาขณะนี้อาการยังอยู่ในขั้นวิกฤตเพราะต้องผ่าตัดมดลูกที่เกิดการติดเชื้อรุนแรง และยังไม่สามารถสื่อสารได้เพราะเกิดอาการสมองบวม ส่วนตัวมองว่าอาการที่เกิดขึ้นทั้งหมด เกิดจากการถูกได้รับการกระทบกระเทือนตอนเคลื่อนย้าย

อย่างไรก็ตามหลังจากเกิดเรื่องโรงพยาบาลที่จ.ลพบุรีได้พูดคุยกับทางครอบครัวโดยรับผิดชอบค่าใช้จ่ายระหว่างการพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล จ.ลพบุรีและมอบเงินค่าทำขวัญให้จำนวน 25,000 บาท