ศูนย์เฉพาะกิจฯ แจ้งเขื่อนขุนด่านฯ น้ำล้นสปินเวย์แล้ว 30 ซม.

ศูนย์เฉพาะกิจชั่วคราวในภาวะวิกฤติ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ หรือ สทนช.สรุปสถานการณ์น้ำและพื้นที่เสี่ยงสำคัญ หลังคาดว่า วันที่ 18 สิงหาคม อิทธิพลของพายุโซนร้อนเบบินคา จะส่งผลให้ประเทศไทยตอนบน มีฝนตกชุกหนาแน่นและมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง บริเวณภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง รวมถึงดินโคลนถล่มได้ มี 35 จังหวัด ที่ต้องเฝ้าระวัง

สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษมีน้ำเกิน 80% ของความจุ มี 4 แห่ง คือ

• เขื่อนแก่งกระจาน จ.เพชรบุรี มีน้ำ 741 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 104% น้ำล้น Spillway สูง 68 เซนติเมตร มีปริมาณน้ำไหลเข้าอ่างเพิ่มขึ้น ในช่วงสัปดาห์นี้ ยังต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยกรมชลประทาน ต้องเร่งพร่องน้ำลงสู่แม่น้ำเพชรบุรี ให้เต็มศักยภาพลำน้ำ
• เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร ปริมาณน้ำ 532 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 102% ต้องเร่งพร่องน้ำ ให้เต็มศักยภาพของลำน้ำท้ายน้ำ เพื่อรองรับปริมาณฝนที่ตกเหนือเขื่อ
• เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี ปริมาณน้ำ 7,817 ล้านลูกบาศก์เมตร คิดเป็น 88% การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย ต้องเร่งพร่องน้ำโดยเพิ่มการระบายน้ำเพื่อรองรับปริมาณน้ำที่ไหลเข้าเขื่อนที่เพิ่มขึ้น ให้เท่ากับความสามารถรับน้ำของแม่น้ำแควน้อย และแม่น้ำแม่กลอง
• เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก ปริมาณน้ำ 193 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือ 86% น้ำล้นสปิลเวย์สูง 30 เซนติเมตร ต้องเร่งพร่องน้ำ ให้เต็มศักยภาพของลำน้ำท้ายน้ำ เพื่อรองรับปริมาณน้ำจากอิทธิพลของฝนที่ตกเหนือเขื่อน

สำหรับพื้นที่เฝ้าระวังจากการเร่งระบายน้ำ จากอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 80% และ อ่างขนาดกลางและขนาดเล็ก ที่มีปริมาณน้ำ 100% โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขื่อนที่มีน้ำไหลผ่าน Spillway ระดับน้ำจะขึ้นต่อเนื่องไปอีก 3-4 วัน ตามปริมาณฝน ซึ่งจะส่งผลกระทบกับระดับน้ำในแม่น้ำเพชรบุรี ด้านท้ายเขื่อนแก่งกระจาน 5 อำเภอ อ.แก่งกระจาน อ.ท่ายาง อ.บ้านลาด อ.เมือง และ อ.บ้านแหลม รวมถึงแม่น้ำนครนายก ด้านท้ายเขื่อนขุนด่านปราการชล อ.เมือง จ.นครนายก