svasdssvasds

จนท.เร่งเยียวยาเด็ก 14 ปี ขโมยเงินคนตาบอด เล่นเกมส์ พบพัฒนาการช้า

จนท.เร่งเยียวยาเด็ก 14 ปี ขโมยเงินคนตาบอด เล่นเกมส์ พบพัฒนาการช้า

เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ลงพื้นที่เยียวยาครอบครัวหนูน้อยวัย 14 ปี ขโมยเงินคนตาบอด อ้างหาช่วยเหลือครอบครัวเพราะยากจน แต่ความจริงนำไปเล่นเกมส์ สลดพบพัฒนาการช้ากว่าเด็กวัยเดียวกัน เกือบทั้งครอบครัว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันที่ 20 ธ.ค. 62 เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว จ.พัทลุง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พัทลุง ลงพื้นที่ สภ.ตะโหมด อ.ตะโหมด จ.พัทลุง หลังจากที่มีการนำเสนอข่าวว่า มีหนูน้อยวัย 14 ปี เข้าไปขโมยเงินคนตาบอด ซ้ำยังพยายามลวนลามด้วย ก่อเหตุมาแล้วหลายครั้ง

จนท.เร่งเยียวยาเด็ก 14 ปี ขโมยเงินคนตาบอด เล่นเกมส์ พบพัฒนาการช้า

เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงที่ สภ.ตะโหมด ก็ได้มีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ตำรวจถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนทราบว่า เมื่อวันที่ 16 ธ.ค.62 ที่ผ่านมา ได้มีคุณป้าพิการทางสายตาเข้ามาแจ้งความว่า มีคนพยายามทำอนาจารป้าจริง ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงเข้าตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุ จนกระทั่งวันที่ 19 ธ.ค.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถตามรวบตัวบุคคลที่ปรากฎตามภาพในกล้องวงจรปิดได้ ซึ่งพบผู้ก่อเหตุมีอายุเพียง 14 ปีเท่านั้น และยังเรียนอยู่ชั้น ป.6 โรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.แม่ขรี

ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า เด็กคนดังกล่าวรวมกลุ่มกันกับเพื่อนๆในวัยเดียวกัน ก่อเหตุลักเล็ก ขโมยน้อยไปทั่วพื้นที่ ต.แม่ขรี ทำมาแล้วหลายครั้ง สร้างความรำคาญให้กับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างมาก เคยมีผู้เสียหายเข้าแจ้งความหลายราย แต่สุดท้ายพอทราบสภาวะทางครอบครัวของเด็กก็เกิดความสงสาร ต้องยอมความกันไป

หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กและครอบครัว พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พัทลุง ได้เดินทางต่อ ไปยังโรงเรียนที่หนูน้อยวัย 14 ปีที่ผู้ก่อเหตุเรียนอยู่ ก็พบกับ นายสนอง ศรีเกตุ ผู้อำนวยการโรงเรียนบ้านแม่ขรี และครูประจำชั้นของหนูน้อยวัย 14 ปี

จนท.เร่งเยียวยาเด็ก 14 ปี ขโมยเงินคนตาบอด เล่นเกมส์ พบพัฒนาการช้า

ทางด้าน นายสนองฯ ผอ.รร. กล่าวว่า หนูน้อยคนดังกล่าวอาจมีพัฒนาการการเรียนช้ากว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน แต่ไม่ใช่เด็กที่ก้าวร้าว เป็นเด็กที่น่าสงสาร แต่ที่ต้องไปก่อเหตุลักเล็กขโมยน้อย น่าจะเป็นเพราะเด็กติดเกมส์มากกว่า และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือจากให้ทางโรงเรียนดูแลเด็กแล้ว ผู้ปกครองก็จำเป็นต้องดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน

สอดคล้องกับการบอกเล่าของ นส.ขวัญชนก สระมุณี ครูประจำชั้น ป.6 ที่หนูน้อยเรียนอยู่ เล่าว่า เวลาเรียนร่วมกับเพื่อนในห้องเรียน เด็กจะมีความบกพร่องทางการเรียน เรียนรู้ได้แต่ช้ากว่าเด็กคนอื่นๆ ทำงานตามที่ครูสั่งได้ทุกอย่าง อาจไม่เต็มร้อยแต่ก็มีงานมาส่งครูทุกครั้ง ส่วนพฤติกรรมทางด้านอารมณ์ก็ไม่เคยแกล้งเพื่อน ไม่ก้าวร้าว ชอบช่วยเหลืองานคุณครูและเพื่อนในห้อง ส่วนนิสัยเรื่องขโมยก็ไม่เคยเห็นเวลาที่อยู่ที่โรงเรียน

จากนั้นทางเจ้าหน้าที่ ได้เดินทางต่อไปที่บ้านของเด็ก ในพื้นที่ บ้านแม่ขรี ม.1 ต.แม่ขรี อ.ตะโหมด จ.พัทลุง ซึ่งห่างจากโรงเรียนไปประมาณ 2 กิโลเมตร พบกับ แม่ของหนูน้อยวัย 14 ปีผู้ก่อเหตุ และพี่น้องของหนูน้อยวัย 14ปี อีก 4 คน ซึ่งแต่ละคนมีความบกพร่องทางด้านร่างกาย คือมีพัฒนาการด้านสมองที่ช้ากว่าเด็กในวัยเดียวกันเกือบทั้งหมด ยกเว้นน้องสาวคนสุดท้องวัย 10 ขวบและพี่ชายคนรองที่ทำงานอยู่ต่างจังหวัด ที่พอจะเป็นความหวังของผู้เป็นแม่และครอบครัวต่อไป

นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่บ้านพักเด็กฯ ได้มีโอกาสพูดคุยกับหนูน้อยวัย14 ปี ที่ก่อเหตุ โดยหนูน้อยคนดังกล่าวได้เล่าให้ฟังว่า ตนเข้าไปก่อเหตุขโมยเงินคุณป้าที่ตาบอดจริง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านตนเอง ทำมาแล้ว 4 ครั้ง ครั้งแรกได้เงินไป 20 บาท ครั้งที่สอง 10 บาท ครั้งที่สาม 20 บาท และครั้งสุดท้ายได้ไป 5 บาท รวมแล้วทั้งสี่ครั้งได้เงินไปเพียง 55 บาทเท่านั้น

ส่วนเงินที่ได้ไปก็นำไปเล่นเกมส์ ไม่ได้นำมาใช้จ่ายในครอบครัว เพราะยากจนถึงต้องไปขโมยเงินมาใช้จ่ายตามที่เด็กอ้าง และเป็นข่าวไปแล้วก่อนหน้านี้แต่อย่างใด

ส่วนเรื่องที่ถูกแจ้งความว่าหนูน้อยคนดังกล่าว พยายามไปทำอนาจารป้าที่ตาบอดด้วยนั้น ทางหนูน้อยก็บอกเพียงว่า ตนไม่ตั้งใจไปล่วงเกินแค่พลั้งมือไปเท่านั้น แต่ทางด้าน ผู้เป็นแม่บอกว่า หนูน้อยวัย 14 ปี มักมีอาการคล้ายคนโรคจิตอ่อนๆ ชอบจับของสงวนอยู่บ่อยครั้ง แต่ตนยังไม่มีโอกาสพาหนูน้อยไปพบหมอหรือจิตเวชแต่อย่างใด

ในส่วนของความช่วยเหลือทางครอบครัวนี้ ในเบื้องต้น ทาง สนง.บ้านพักเด็กฯ และ สนง.พัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.พัทลุง ได้เข้ามาดูแลด้านสภาพจิตใจ สภาพความเป็นอยู่เบื้องต้นพร้อมกับให้ความรู้ ความเข้าใจ และเตรียมจัดหางานที่สามารถเพิ่มรายได้ ให้กับ ผู้เป็นแม่

เนื่องจากไม่มีรายได้ประจำ อาศัยรายได้จากการไปรับจ้างกวาดบ้านถูบ้านทั่วไป และรายได้จากลูกชายคนรองที่ไปทำงานต่างจังหวัดส่งมาให้บ้างแต่ก็ไม่มาก และเงินในส่วนของผู้พิการของลูกชายคนโตเพียงเดือนละ 800 บาทเท่านั้น จึงไม่เพียงพอเลี้ยงปากเลี้ยงท้องกับสมาชิกในบ้านที่มีถึง 6 ชีวิตด้วยกัน และจากข้อมูลของเพื่อนบ้าน ยังทราบอีกว่า ผู้เป็นแม่เอง ก็ติดการพนันไพ่ซ้ำร้ายไปอีก

related