- “อาร์เจนติน่า” ตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกใน “ฟุตบอลโลก” 4 ครั้งหลังสุด (ปี 2006 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ,ปี 2010 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ,ปี 2014 แพ้รอบชิงฯ)
- นับตั้งแต่ที่ “อาร์เจนติน่า” มี “ลีโอเนล เมสซี่” ในศึก “ฟุตบอลโลก” นี่เป็นการตกรอบที่เร็วที่สุด ตั้งแต่ “ฟุตบอลโลก 2006” (ปี 2006 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ,ปี 2010 ตกรอบ 8 ทีมสุดท้าย ,ปี 2014 แพ้รอบชิงฯ)
- “ลีโอเนล เมสซี่” จบ “ฟุตบอลโลก” 4 สมัย (ตั้งแต่ปี 2006-2018) ด้วยการทำได้เพียง 6 ประตูเท่านั้น
- “อาร์เจนติน่า” พ่ายแพ้ใน “ฟุตบอลโลก” ด้วยการเสียถึง 4 ประตูในหนึ่งเกม (ครั้งล่าสุดคือพ่าย “เยอรมัน” 0-4 รอบ 8 ทีมสุดท้ายปี 2010)
- “อังเคล ดิ มาเรีย” แนวรุกมากประสบการณ์วัย 30 ปี ทำประตูที่ 2 ของตัวเองใน “ฟุตบอลโลก” ซึ่งทั้ง 2 ประตูของเจ้าตัวเกิดขึ้นในรอบ 16 ทีมสุดท้าย (ปี2014 เขาทำประตูในนาทีที่ 118 ช่วงต่อเวลาพิเศษ ชนะ “สวิตเซอร์แลนด์” 1-0) และเขาไม่เคยยิงได้เลยในรอบอื่น
- “กาเบรียล เมร์คาโด้” แนวรับวัย 31 ปีที่สามารถทำประตูที่ 4 ของเจ้าตัวใน “ฟุตบอลโลก” ได้สำเร็จ 3 ประตูก่อนหน้านี้ที่เขาทำได้เป็นประตูชัยทั้งหมด แต่ทว่าเกมนี้ไม่ใช่!!
- คำถามเกิดขึ้นมากมาย และพุ่งเป้าไปที่ม้านั่งสำรองของ “อาร์เจนติน่า” กับแข้งระดับสตาร์ที่ไม่ได้ลงสนาม โดยเฉพาะ “เปาโล ดิบาล่า” ที่ติดทัพ “ฟ้าขาว” ลุยศึก “เวิลด์ คัพ” ครั้งแรกในชีวิต แต่ไม่มีโอกาสได้ลงสนามเลยสักนัด แม้ในฐานะตัวสำรอง
สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจคือ “ลีโอเนล เมสซี่” ยังไม่สามารถพา “อาร์เจนติน่า” ก้าวขึ้นไปหยิบถ้วยเพียงหนึ่งเดียวที่เจ้าตัวยังไม่เคยจับได้คือ “ฟุตบอลโลก” ก่อนหน้านี้เจ้าตัวออกมาบอกแล้วว่า เขาจะไม่ยอมแพ้ใน 4 ปีข้างหน้าแน่นอน หากยังไม่สามารถพา “ฟ้าขาว” คว้าแชมป์โลกได้ มาดูกันว่า “ฟุตบอลโลก 2022” ที่ประเทศกาตาร์ “เมสซี่” จะพาทัพ “ฟ้าขาว” ไปในทิศทางใดด้วยวัย 35 ปี
ขอบคุณภาพจาก FIFA World Cup AFA - Selección Argentina