“โชเซ มูรินโญ” กุนซือเจ้าพ่อรถบัส เปิดใจเป็นครั้งแรกหลังถูก “แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด” ปลดออกจากตำแหน่ง ว่าทั้งเจ้าตัวและสโมสรเก่า ต่างฝ่ายต่างมีอนาคต แม้ว่าจะไม่ได้ร่วมงานกันแล้วก็ตาม
“ปีศาจแดง” ตัดสินใจแยกทางกับ “เดอะ สเปเชียล วัน” หลังจากพาทีมทำผลงานได้ไม่ประทับใจในฤดูกาล 2018-19 โดย “ปีศาจแดง” ได้แต่งตั้ง “โอล กุนนาร์ โซลชาร์” ตำนานดาวยิงของสโมสร เข้ามารับตำแหน่งกุนซือรักษาการณ์ไปจนจบฤดูกาลแทนเป็นที่เรียบร้อย
ล่าสุดกุนซือชาวโปรตุกีสวัย 55 ปี ได้ออกมาเปิดใจครั้งแรกผ่าน Sky Sports เก็บกระเป๋าออกจากถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ว่า “ผมจะไม่เปลี่ยนตัวเอง ยกตัวอย่างเช่น สิ่งที่ผมทำหลังจากแยกทางเชลซี คือสิ่งเดียวที่ผมจะทำในตอนนี้”
“ผมจะเลือกเก็บแต่สิ่งดีๆ และผมจะไม่พูดถึงอะไรก็แล้วแต่ที่เกิดขึ้นในสโมสร เราสามารถพูดถึงเรื่องดีๆ มากมาย เราสามารถพูดถึงเรื่องที่ไม่ดีได้ แต่นั่นไม่ใช่ตัวผม มันจบแล้ว แมนฯยูฯ มีอนาคตโดยที่ไม่มีผม และผมเองก็มีอนาคตโดยที่ไม่มีแมนฯยูฯ ทำไมผมต้องเล่าความรู้สึกของผมให้คุณหรือแฟนบอลฟังด้วย?”
“มันจบแล้วและนั่นคือผม มันเป็นแบบนี้มาตลอด ผมเคยวิจารณ์กุนซือหลายคนที่ออกมาจากทีมเก่า และเล่ารายละเอียดที่เกิดขึ้นในสโมสรและบอกว่าใครสมควรถูกตำหนิ นั่นไม่ใช่ผม ผมต้องการให้มันจบเหมือนที่มันจบเมื่อวานนี้”
“ผมอยากบอกว่ามันจบแล้ว และผมหวังว่าสื่อจะเคารพผมที่เป็นแบบนี้ เคารพปฏิกิริยาของผมต่อสิ่งที่เกิดขึ้น และจนกว่าที่ผมจะกลับมาทำงานในเกมฟุตบอล ผมมีสิทธิที่จะใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไป อย่างที่ผมทำในตอนนี้ ออกมาเดินเล่นและช็อปปิ้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คืออดีตไปแล้ว”
“แมนฯ ยูไนเต็ด” กลายเป็นสโมสรแห่งเดียวที่กุนซือรายนี้ ไม่สามารถพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดได้ ในการคุมทีม แต่ก็ใช่ว่าจะไร้แชมป์ เจ้าตัวพา “ปีศาจแดง” คว้าไปได้ 3 แชมป์ เริ่มตั้งแต่คอมมูนิตี้ ชิลด์ 2016, ยูฟ่า ยูโรป้าลีก และ อีเอฟแอล คัพ 2016-17 จบสถิติการคุมทีมด้วยเปอร์เซนต์กุมชัยชนะที่ต่ำที่สุด ที่ 58.3 เปอร์เซนต์ (144 นัด ชนะ 84 เสมอ 32 แพ้ 28) นับตั้งแต่สมัยคุม “เอฟซี ปอร์โต้” ปี 2004
ขอบคุณภาพ Manchester United